วันอาทิตย์ที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

วิธีการเลี้ยงแมงดานา


เลี้ยงแมงดานาทำอย่างไร

การเตรียมสถานที่


บ่อสำหรับเลี้ยงแมงดา
สถานที่ที่เหมาะสมในการทำบ่อเพาะเลี้ยงแมงดานา ควรเป็นที่โล่งเเจ้งใกล้แหล่งน้ำแต่น้ำท่วมไม่ถึง และต้องไม่พลุกพล่านซึ่งบ่อเลี้ยงแมงดาไม่จำเป็นต้องใช้พื้นที่มาก และขนาดของบ่อที่นิยมคือให้มีความยาวเป็นบวกหนึ่งของด้านกว้าง และขนาดที่เหมาะสมที่สุดควรมีพื้นที่บ่อประมาณ 20 ตารางเมตร โดยด้านข้างทั้งสี่ด้านควรลาดเททำมุม 45 องศา และตรงกลางบ่อทำเป็นหลุมลึกสักจุดหนึ่งเพื่อใช้รวบรวมของเสียและง่ายต่อการกำจัด และที่ขาดไม่ได้คือชานบ่อโดยรอบให้กว้างประมาณ 1 เมตร ส่วนนี้ไม่ต้องเทซีเมนต์แต่ปล่อยทิ้งไว้เป็นดิน เพื่อที่เราจะปลูกต้นไม้ใช้เป็นที่พักอาศัยของแมงดา อาจปลูกต้นกก ผักบุ้งหรือเลียนแบบธรรมชาติให้มากที่สุด นอกจากนี้บ่อเลี้ยงต้องขึงตาข่ายตาไม่ใหญ่กว่า 1 ซม. ป้องกันไม่ให้แมงดาบินหนี หรือมีนก หนูเข้าไปลักกินแมงดานา ส่วนหลังคาต้องกันแดดกันฝนได้ดี

วิธีการเลี้ยงแมงดานา



หลังจากทำบ่อและบ่มจนน้ำหมดกลิ่นปูนเรียบร้อยแล้วก็จัดการปล่อยพ่อแม่พันธุ์แมงดานาลงไปได้เลย โดยน้ำที่ใส่ต้องเป็นน้ำสะอาดจากน้ำคลองที่สูบขึ้นมาพักจนตกตะกอนดีแล้วจะดีที่สุด ใส่น้ำให้ได้ระดับความลึกประมาณ 70-80 ซม.แล้วปล่อยพ่อแม่พันธุ์ลงไปในอัตรา 50 ตัวต่อ 1 ตารางเมตร สัดส่วนของตัวผู้กับตัวเมีย 1 ต่อ 1 ดีที่สุด แต่สัดส่วน 1 ต่อ 5 ก็ได้ผลดีพอสมควร การรวบรวมพ่อแม่พันธุ์แมงดานาช่วงที่ดีที่สุด ควรเป็นช่วงตั้งแต่เดือนกันยายน-ตุลาคม เนื่องจากเป็นแมงดาวัยรุ่นยังไม่มีไข่ ( เขาว่าแมงดานาที่มีไข่ติดท้อง หากตกใจจะกลั้นไข่จนตายในที่สุด) แต่เราสามารถแยกเพศได้แล้ว โดยดูที่อวัยวะสืบพันธุ์ ตรงก้นที่เห็นเป็นระยางค์แฉกๆลองแง้มดูภายในหากเห็นเป็นอวัยวะคล้ายเม็ดข้าวสารแแสดงว่าเป็นตัวเมียแน่นอน ขั้นตอนการเตรียมบ่อเพื่อให้แมงดานาผสมพันธุ์เริ่มจากลดระดับน้ำลงจากเดิมประมาณครึ่งหนึ่ง พร้อมกับจัดการเก็บไม้น้ำ โพรงไม้ ขอนไม้ หรืออะไรที่ลอยน้ำเป็นที่ยึดเกาะของแมงดานาออกจากบ่อให้หมดโดยนำไม่ไผ่หรือกิ่งไม้แห้งๆใส่ลงไปแแทนที่ทิ้งไว้แบบนี้ 3-4 วัน ก่อนเปลี่ยนน้ำเข้าไปใหม่ในระดับเดิมคือ ประมาณ 80 ซม.หรือเกือบเต็มบ่อก็ได้ จากนั้นเก็บกิ่งไม้ไผ่ กิ่งไม้ออก ใส่ลูกบวบลงไปแทน โดยลูกบวบนี้ทำจากท่อนกล้วยยาวท่อนละ 1 เมตร ที่ถ่วงน้ำหนักให้ส่วนใดส่วนหนึ่งของท่อนกล้วยจมน้ำด้านนี้เสมอ ส่วนด้านบนที่ไม่จมน้ำ ปักด้วยซี่ไม้ไผ่หรือไม้เสียบลูกชิ้นยาวคืบกว่าๆเป็นแถว กะว่าแต่ละอันห่างกันประมาณ 10 ซม. แมงดานาจะขึ้นมาวางไข่ตามไม้ที่ปักไว้นี้ หลังจากนี้ประมาณ 3-4 วันไปแล้ว ซึ่งเมื่อเห็นว่าแมงดานาวางไข่แล้วเต็มที่ก็ให้จับพ่อแม่พันธุ์ออกไปเลี้ยงในบ่ออื่นให้หมด นอกจากนี้แล้วแมงดานาตัวเมียจะวางไข่ได้อีก 2-3 ครั้ง ในแต่ละช่วงปีห่างกันครั้งละประมาณ 1 เดือน ดังนั้นหากต้องการมีแมงดานาขายอย่างต่อเนื่องแล้วอาจจะต้องลงทุนทำบ่อไว้หลายบ่อโดยวิธีเลี้ยงพ่อแม่พันธุ์หลังจากวางไข่ผสมพันธุ์แล้วจะดีกว่า เพราะสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงเร็วเช่นนี้จะเร่งให้มันผสมพันธุ์วางไข่เร็วขึ้น โดยพ่อแม่พันธุ์แต่ละรุ่น มักนิยมใช้กันแค่ปีเดียวคือวางไข่ได้ 2-3 ครั้งก็จับขายแล้วคัดเอาบรรดาลูกๆรุ่นใหม่เป็นพ่อแม่พันธุ์ต่อไป
ไข่แมงดา

หรือการเลี้ยงอีกวิธีหนึ่งก็คือโดยการมัดกลุ่มไข่หรือเสียบกับลวดเพื่อวางยืนในกล่อง ใส่น้ำและวางกล่องในถาดหล่อน้ำ กันมด ไข่ที่ใกล้ฟักจะมีสีเข้มชัดเจน พองผิวเต่งตึง แมงดามักจะออกจากไข่ช่วงเช้าและเย็น เมื่อฟักออกจากไข่จะหงายท้องและดีดตัวร่วงลงน้ำ ตัวอ่อนที่ฟักออกจากตัวใหม่ๆจะสีเหลืองอ่อน ด้านในลำตัวสีเขียว ตาสีดำ ต่อมาอีกประมาณ 1 ชั่วโมง สีจะคล้ำขึ้นเป็นสีน้ำตาลปนเทา แยกตัวอ่อนวัย 1 ใส่เลี้ยงถ้วยละ 1 ตัว โดยใช้ขวดน้ำขนาดความจุ 950 มิลลิเมตร ตัดเอาก้นขวดสูง 3 นิ้ว เป็นถ้วยเลี้ยง เจาะรูก้นถ้วยเพื่อความสะดวกในการถ่ายน้ำเสีย วางถ้วยในถาดพลาสติกใส่น้ำลงไปประมาณ 0.5 นิ้ว ให้ลูกปลาเป็นอาหารถ้วยละ 1 ตัว

อาหารของแมงดานา


อาหารของแมงดา ให้ด้วยลูกปลา ลูกกุ้ง หรือ ลูกอ๊อด ( อย่าให้ลูกอ๊อดคางคก เพราะลูกอ๊อดคางคกมีพิษ )
การให้อาหารตอนเช้าก่อน 08.00 น. วันละ 1 ครั้ง และช่วงเย็น (16.00น.) เอาเศษลูกปลาตายออก ล้างทำความสะอาดถ้วยเลี้ยง เปลี่ยนน้ำ เมื่อตัวอ่อนลอกคราบเข้าวัย 3 ย้ายเข้ากรงคู่ทำด้วยตาข่ายพลาสติกสีดำ ( มีจำนวนรู 35 รู ต่อ 1 ตารางนิ้ว ) ลักษณะรูปทรงกระบอกยาว 18.5 เซนติเมตร เส้นผ่าศูนย์กลาง 8 เซนติเมตร ปิดส่วนท้ายกรงแต่ละคู่ด้วยแผ่นตาข่ายขนาด (กว้าง x ยาว) 9 x19 เซนติเมตร วางกรงในแนวนอนลงในถาดหรือกะละมังที่มีน้ำประมาณ 2 นิ้ว ด้านบนของกรงกรีดตาข่ายออกสามด้าน ขนาด (กว้าง x ยาว) 5 x 6 เซนติเมตร แล้วใช้ลวดยึดไว้เพื่อเป็นช่องประตูเปิดปิด ใส่ปลาและเอาแมงดาเข้าออก เมื่อลอกคราบเข้าวัย 4 ย้ายเข้ากรงทำเป็นกล่องสี่เหลี่ยมขนาด ( กว้าง x ยาว x สูง) 10 x 15 x 10 เซนติเมตร ซึ่งใหญ่กว่าเดิมและเอากล่องลงบ่อดินขนาด ( กว้าง x ยาว) 3.5 x 7 เมตร ลึก 1 เมตรปูพื้นด้วยพลาสติก มีผักตบและกอบัว ใช้โฟมติดด้านข้างกรงเป็นทุ่นให้กรงลอยน้ำได้ ในกรงใส่ผักตบชวาให้แมงดาเกาะ เพื่อความสะดวกในการจัดการเอากรงขึ้นลงจากบ่อ จัดวางเป็นแถวและเอาลวดเสียบหัวและท้ายกรงในแนวยาวเหมือนไม้เสียบลูกชิ้นหรือบาร์บีคิว เลี้ยงจนเป็นตัวเต็มวัย


การจับแมงดานา


เครื่องมือในการจับแมงดานา
1. ใช้มือจับ
2. ใช้สวิงจับหรือช้อนตามไม้น้ำ
3. ใช้แสงไฟล่อ ติดตั้งหลอดแบล็กไลต์บนเสาไม้ไผ่สูงๆ ใช้ตาข่ายขึง กั้นให้สูงแมงดาจะมาเล่นไฟ
4. ปัจจุบันมีเครื่องมือจับแมงดานาแบบพื้นบ้านซึ่งเป็นผลงานการคิดค้นของจ่าสาย ศรีสมุทร สภอ.นาแก จังหวัดนครพนม โดยการใช้สังกะสีแผ่นเรียบมาตัดต่อบัดกรีให้เรียบร้อยเป็นกรวยปากกว้าง เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1.5 เมตร ความสูงของกรวย 1 เมตร และด้านล่างทำเป็นท่อกลวงขนาดกระป๋องนม ยาวประมาณ 30 ซม. การติดตั้งเครื่องมือให้เลือกสถานที่ใกล้แหล่งน้ำ โดยตั้งเสาสูงประมาณ 6 เมตรติดหลอดแบล็กไลต์ไว้ล่อแมงดา ด้านล่างติดตั้งกรวยสังกะสีหงายปากกรวยขึ้น มีไฟนีออนสีฟ้าล่อไว้อีกดวงหนึ่งที่ปากกรวยนั้น ส่วนด้านล่างสุดใช้ถุงปุ๋ยที่ไม่ขาดทะลุสวมเข้าที่ท่อกลวงด้านล่างผูกติดให้แน่น ซึ่งแสงจากหลอดแบล็กไลต์จะล่อแมงดาให้มาที่นี่ ส่วนแสงสีฟ้าจากหลอดนีออนเมื่อสะท้อนจากปากกรวยสังกะสีจะดูคล้ายๆกับแหล่งน้ำขนาดเล็ก ดึงดูดใจให้แมงดาบินลงกรวยในที่สุด ซึ่งการจับด้วยวิธีนี้สะดวก เพราะเราไม่ต้องนั่งเฝ้า รอไว้ดูตอนเช้าเลยทีเดียว

การนำแมงดามาปรุงอาหาร


อาหารจากแมงดา
1. ไข่แมงดานา นำมาย่างไฟหรือกินสดๆ
2. ตัวเต็มวัย ตัวเมียชุบแป้งทอด ทำแกงคั่วแมงดานา ตัวผู้มีกลิ่นหอมทำให้เพิ่มรสชาติอาหาร นำมาทำน้ำพริกแมงดา แจ่วแมงดานา น้ำพริกปลาร้า น้ำปลาแมงดา หรือดองแช่น้ำปลาไว้ขายราคาแพง (ตุลาคม-มีนาคม)


ที่มา http://farmfriend.blogspot.com/2011/06/blog-post_20.html

การเลี้ยง ตั๊กแตน


การเลี้ยงตั๊กแตนลาย อาชีพใหม่ รายได้ดี ตลาดรุ่ง
การเพาะเลี้ยงตั๊กแตนลายเป็นผลงานเพื่อเกษตรกรของภาควิชากีฏวิทยา คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น อันมีนักวิชาการที่มีบทบาทสำคัญ ประกอบด้วย อาจารย์ทัศนีย์ แจ่มจรรยาและ อาจารย์ชาญชัย ถาวรอนุกูลกิจ อาจารย์ทั้งสองท่านและทีมงานได้เห็นความสำคัญของการนำแมลงที่กินได้ที่มีอยู่ในธรรมชาติมาทำการศึกษาเพาะเลี้ยงเพื่อเป็นแนวทางในการประกอบอาชีพของเกษตรกรและผู้สนใจ จากระยะเวลาที่ผ่านมาภาควิชากีฏวิทยา ได้ดำเนินการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับการเพาะเลี้ยงแมลงเพื่อการเพาะเลี้ยงเป็นอาชีพของเกษตรกรมากมายหลายชนิด และในปีงบประมาณ 2547 นี้ ได้ตั้งเป้าหมายที่จะดำเนินการฝึกอบรมเกี่ยวกับการเพาะเลี้ยงแมลงกิน อันประกอบด้วย แมลงดานา จิ้งหรีดและตั๊กแตน เป็นเวลา 1 วัน แก่ผู้สนใจ ดังนั้น ผู้ที่ต้องการความรู้เพื่อนำไปประกอบอาชีพ สามารถแจ้งความจำนงเพื่อขอเข้ารับการอบรมได้ทุกวันในเวลาราชการที่ อาจารย์ชาญชัย ถาวรอนุกูลกิจ ภาควิชากีฏวิทยา คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น 40002 โทร. (043) 362-108 โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น

วิธีการเลี้ยงตั๊กแตน

อาจารย์ทัศนีย์และอาจารย์ชาญชัย ได้ให้ข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับการเพาะเลี้ยงตั๊กแตนว่า ในบรรดาแมลงกินได้ ตั๊กแตนหรือที่เรียกกันทั่วไปว่า กุ้งฟ้า ได้รับความนิยมมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 44.91 สำหรับผู้ขายได้แยกชนิดแมลงออกเป็น 3 กลุ่ม ตามความนิยมของลูกค้า โดยในกลุ่มแรกจะมีตั๊กแตน รถด่วน ดักแด้หนอนไหม กลุ่มที่สอง เป็นแมลงกระชอน จิ้งหรีด แมลงตับเต่า หนอนไหม จิโป่ม ส่วนกลุ่มที่สามเป็นแมงกินูน กุดจี่ จักจั่น การกินแมลงนอกจากจะได้รสชาติแล้ว ยังได้คุณค่าทางอาหาร โดยตั๊กแตนมีโปรตีน 16-25 เปอร์เซ็นต์ (น้ำหนักสด) ชีววิทยาและนิเวศวิทยาของตั๊กแตน : ตั๊กแตนหนวดสั้น อยู่ในวงศ์ Acrididae อันดับ Orthoptera มีหนวดสั้นกว่าลำตัว สันหลังอกปล้องแรกเป็นแผ่นคล้ายอานม้า ขาคู่หลังมีขนาดใหญ่เหมาะกับการกระโดด ด้านใน femur ของขาคู่หลังมีตุ่มเล็ก ๆ การทำเสียงโดยใช้ตุ่มเล็ก ๆ ที่เรียงอยู่ด้านใน femur ของขาคู่หลังถูหรือสีกับขอบล่างของปีกคู่หน้า ด้านข้างของท้องปล้องแรกมีอวัยวะฟังเสียง ลักษณะเป็นเยื่อบาง ๆ ปีกคู่หน้าหนาคล้ายแผ่นหนัง ปีกคู่หลังเป็นแผ่นบางกว้างพับซ้อน อยู่ใต้ปีกคู่หน้า เพศเมียมีอวัยวะวางไข่สั้น 2 คู่ อยู่ที่ปลายท้อง วงจรชีวิตของตั๊กแตนมี 3 ระยะ คือ ไข่ ตัวอ่อน และตัวเต็มวัย การวางไข่จะวางไข่บนดิน สำหรับตั๊กแตนลาย หรือที่ภาษาท้องถิ่นทางภาคอีสานเรียกว่า ตั๊กแตนข้าวสาร โดยธรรมชาติชอบอาศัยหากินในพืช เช่น ถั่วเหลือง ฝ้าย ละหุ่ง ข้าวโพด วงจรชีวิต ระยะไข่ 32-120 วัน ระยะตัวอ่อน 94 -124 วัน มีการลอกคราบ 7-8 ครั้ง ตัวเต็มวัยเพศเมียอายุ 61.8 วัน ตัวเต็มวัยเพศผู้ อายุ 38 วัน 
อาชีพการเลี้ยงตั๊กแตนขาย

วิธีการเพาะเลี้ยงตั๊กแตน



1. สถานที่และกรงเลี้ยง 
สถานที่ควรเป็นที่ร่มมีหลังคากันแดดและฝน มีแสงแดดส่องถึงช่วงตอนเช้าหรือตอนบ่าย สำหรับกรงเลี้ยงมี 2 แบบ คือ 
- กรงมุ้งไนลอน ขนาดความกว้าง x ยาว x สูง = 25 x 35 x 25 เซนติเมตร ทำโดยใช้ลวดขนาด 2 หุน ตัดทำเป็นโครงสี่เหลี่ยมแล้วประกอบเข้าด้วยกันใช้สายยางสีขาวใสขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1 เซนติเมตร สามารถถอดเข้าออกได้ มีมุ้งผ้าขาวบางหุ้มปล่อยชายผ้าไว้ด้านหน้ากรงสำหรับเปิดปิด วางกรงลวดในถาดเพื่อความสะดวกในการยก ปูกระดาษที่พื้นในกรง เปลี่ยนกระดาษทุกวันเพื่อไม่ให้มูลหมักหมม ในกรงมีกระบอกน้ำโดยใช้ขวดน้ำขนาด 1-1.5 ลิตร ที่ตัดคอออก สำหรับใส่ต้นแครดไว้เป็นอาหารของตั๊กแตน ล้างทำความสะอาดกระบอกน้ำทุกวันตอนเปลี่ยนอาหาร สำหรับอาหารเสริมใช้รำข้าวสาลีใส่จานพลาสติกเล็ก ๆ กรงขนาดใหญ่เลี้ยงตั๊กแตนวัยอ่อนคือ วัย 1-วัย 5 ได้ประมาณ 300 ตัว อย่างก็ไรตาม เราสามารถเลี้ยงตั๊กแตนจนเป็นตัวเต็มวัยในกรงดังกล่าว วางกรงบนชั้นเพื่อประหยัดเนื้อที่ เมื่อตั๊กแตนเข้าวัย 5 หรือเมื่ออายุประมาณ 1 เดือน ลดจำนวนตัวลงครึ่งหนึ่งเพื่อไม่ให้แออัดเกินไป 
- กรงมุ้งลวด โครงเป็นอะลูมิเนียมขนาดกรง กว้างx ยาว x สูง = 60 x 60 x 100 เซนติเมตร ขากรงสูง 15 เซนติเมตร บุกรงด้วยมุ้งลวด ประตูด้านหน้ามี 2 ตอน คือ ครึ่งหนึ่งของด้านบนเป็นประตูบุลวดมีหูจับ ส่วนครึ่งล่างเป็นประตูทึบเพื่อป้องกันไม่ให้ตั๊กแตนออกขณะเปิดปิด พื้นกรงปูด้วยตะแกรงลวดตาข่ายและมีลิ้นชักความสูง 10 เซนติเมตร ถอดเข้าออกได้ เพื่อรองรับมูลของตั๊กแตนและง่ายต่อการดึงออกมาทำความสะอาด ด้านบนของกรงทำให้ถอดบานมุ้งลวดออกได้ กระบอกน้ำใส่พืชอาหาร และภาชนะใส่อาหารเสริมเหมือนดังที่กล่าวไว้ข้างต้น กรงมุ้งลวดนี้ไว้ใช้เลี้ยงตั๊กแตนตั้งแต่วัย 5 ขึ้นไป กรงละประมาณ 2,000-2,500 ตัว โดยตอนแรกอาจจะเลี้ยงตั๊กแตนวัยอ่อนในกรงมุ้งไนลอน 


2. การจัดการ
2.1 การให้อาหาร เปลี่ยนต้นแครดทุกวัน โดยเคาะต้นพืชในกระบอกน้ำเพื่อไล่ตั๊กแตนออก ใช้ต้นแครดสดเพื่อให้ตั๊กแตนกินได้มากขึ้นหลังจากวัย 5 ต้องให้อาหารวันละ 2 ครั้ง อาหารเสริมให้รำข้าวสาลีวันละครั้ง ส่วนการให้น้ำ ใช้จานกระเบื้องดินเผาใส่ก้อนหินกันไม่ให้ตั๊กแตนตกน้ำ
2.2 การทำความสะอาด
- การถ่ายมูลตั๊กแตน ในกรงมุ้งไนลอนเปลี่ยนกระดาษที่ปูพื้นกรงทุกวัน ส่วนในกรงมุ้งลวดดึงลิ้นชักที่รองรับมูลออกมาล้างทุกวัน
- ล้างทำความสะอาดกระบอกที่ใส่ต้นพืชและจานใส่น้ำทุกวัน
2.3 การป้องกันศัตรูของตั๊กแตน ศัตรูที่สำคัญ ได้แก่ มด ซึ่งจะเข้ามากินไข่และซากตั๊กแตนหรือตัวที่ลอกคราบใหม่ ๆ ซึ่งไม่แข็งแรง การป้องกันโดยใช้ชอล์กกันมดและการดูแลความสะอาด ถ้าเป็นกรงมุ้งลวดระวังอย่าให้มีเศษหญ้าตกหล่นพาดถึงพื้นอันจะเป็นสะพานให้มดเข้าไปในกรง ศัตรูอื่น ๆ ได้แก่ แมงมุม จิ้งเหลน กิ้งก่า และหนู
2.4 การคัดพ่อแม่พันธุ์และการขยายพันธุ์ เลือกตัวที่มีขนาดใหญ่มีความสมบูรณ์แข็งแรง ใส่กรงให้ผสมพันธุ์ ควรมีการผสมข้ามกรงกันบ้างเพื่อหลีกเลี่ยงการเสื่อมถอยอันเกิดจากการผสมเลือดชิด ภาชนะวางไข่ใช้ขวดน้ำอัดลมขนาด 1.25 ลิตร ตัดเอาแต่ก้นขวดที่มีความสูง 10 เซนติเมตร ใส่ดินร่วนปนทราย ให้น้ำพอชื้น ๆ เมื่อตั๊กแตนวางไข่นำขวดดินที่มีไข่แยกออกมา ตั๊กแตนลายมีการผสม 9-15 ครั้ง วางไข่ 3-4 ครั้ง 
2.5 การเลี้ยงตั๊กแตนวัยอ่อนและหลังวัยอ่อน คือวัย 1-ต้นวัย 5 ในกรงมุ้งไนลอน ใช้เวลาประมาณ 35 วัน เมื่อเข้าวัย 5 ซึ่งจะสังเกตจากแผ่นอานม้าที่สันหลังอกขอบหลังแหลมรูปตัว V มีสีเหลืองนวลหรือสีเงินคาด หน้าแถบสีมีจุดดำเรียงเป็นแนว แล้วถ้าจะเลี้ยงในกรงมุ้งไนลอนต่อไปโดยจะต้องลดจำนวนลงเหลือเพียงครึ่งเดียวจากที่เลี้ยงในตอนแรก หรือจะย้ายเข้ากรงมุ้งลวดเลี้ยงต่อไปอีกประมาณ 17-26 วัน ตั๊กแตนจะลอกคราบเป็นตัวเต็มวัย ตัวอ่อนเพศผู้มี 6 วัย ใช้เวลาน้อยกว่าเพศเมีย คือ ประมาณ 53 วัน ส่วนตัวอ่อนเพศเมียมี 7 วัย ใช้เวลา 61.8 วัน จึงจะเจริญเป็นตัวเต็มวัย
2.6 การเก็บตั๊กแตนออกจำหน่าย เมื่อตุ่มปีกของตัวอ่อนเจริญมาชนกันที่สันหลังกลางลำตัวยาวคลุมถึงส่วนท้องปล้องที่ 3 แสดงว่า เป็นวัยสุดท้ายก่อนลอกคราบออกเป็นตัวเต็มวัย เมื่อเป็นตัวเต็มวัยเก็บตั๊กแตนในถุงสีฟ้า การจับตั๊กแตนให้รวบโคนขาคู่หลังเข้าด้วยกัน เนื่องจากเมื่อตั๊กแตนถูกรบกวนจะป้องกันตัว โดยดีดขาคู่หลังที่มีหนามเรียงเป็นแถว ทำให้เจ็บปวดได้
การเลี้ยงตั๊กแตนลายพบว่า มีการรอดชีวิตต่ำเพียง 33.75 เปอร์เซ็นต์ ตั๊กแตนอ่อนแอ โดยเฉพาะในช่วงวัยแรก ๆ การให้รำข้าวสาลีเป็นอาหารเสริมและการเลี้ยงในฤดูฝนทำให้การรอดชีวิตสูงขึ้นประมาณ 51.2 เปอร์เซ็นต์ จากการเลี้ยงตั๊กแตนลายที่ฟักจากไข่เวลาต่างกันจำนวน 5 รุ่น โดยใช้ต้นแครดและเสริมด้วยรำข้าวสาลี พบว่าการตายลดลง คือ มีการรอดชีวิตจนเป็นตัวเต็มวัย 35.67-66.37 เปอร์เซ็นต์ หรือโดยเฉลี่ย 51.2 เปอร์เซ็นต์

ตั๊กแตนทอดกรอบ เมนูยอดนิยม

ตัวอย่างเกษตรกรที่ประสบความสำเร็จจากการเลี้ยงตั๊กแตน


เกษตรกรชาวจีนชานกรุงปักกิ่งประสบความสำเร็จในการทำฟาร์มเพาะเลี้ยงตั๊กแตน
เกษตรกรชาวจีนชานกรุงปักกิ่งประสบความสำเร็จในการทำฟาร์มเพาะเลี้ยงตั๊กแตนส่งร้านอาหาร ทำรายได้มหาศาลเป็นแบบอย่างให้เพื่อนบ้านที่เคยมองธุรกิจนี้ด้วยสายตาที่หวาดระแวงหันมาทำตาม 

หลี่ ซูฉี เกษตรกรชาวจีน วัย 61 ปี ยอมรับว่า เพื่อนบ้านไม่ค่อยพอใจนักกับธุรกิจของเขา พวกเขาคอยจับตามองฟาร์มเลี้ยงตั๊กแตนและหมั่นตรวจสอบตาข่ายล้อมรั้วเพื่อป้องกันตั๊กแตนบินหนี แต่ก็สามารถฟันฝ่าอุปสรรคจนประสบความสำเร็จ และได้รับการยอมรับจากเพื่อนบ้าน ซึ่งมีจำนวนไม่น้อยที่หันมาทำฟาร์มตั๊กแตนตามอย่างเขา

นายหลี่ บอกว่า เงินลงทุน 2 แสนหยวน (ราว 1 ล้านบาท) ได้กลับคืนมาหมดแล้ว จึงเตรียมขยายกิจการสร้างเรือนเลี้ยงตั๊กแตนอีก 5 หลังในปีนี้ วิธีการเลี้ยงก็ง่ายมาก เพียงแต่นำไข่ของตั๊กแตนไปวางไว้ในเรือนเพาะเลี้ยง หลังจากนั้นก็นำหญ้ามาใส่เป็นอาหาร และรอเวลา 75 วันเพื่อจับตั๊กแตนโตเต็มวัยออกมาขายร้านอาหาร ซึ่งมีคนชมว่าตั๊กแตนของเขามีรสชาติอร่อย

นายหลี่ บอกว่า การจับตั๊กแตนเป็นงานยาก เขาต้องระดมสมาชิกในครอบครัว 4 คนมาช่วยกันจับตั๊กแตนให้ได้น้ำหนัก 220 กิโลกรัม ซึ่งต้องใช้เวลานานถึง 8 ชั่วโมง.

ขอบคุณที่มา
http://poothai.bravehost.com/Tuktan.html

http://farmfriend.blogspot.com/2011/12/blog-post_24.html