วันเสาร์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2555
การปลูกกะหล่ำปลี (สูตรบริษัท)
กะหล่ำปลี เป็นพืชที่ชอบอุณหภูมิต่ำ และความชื้นสูง อุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 15-20 องศาเซลเซียส ปัจจุบันได้มีการปรับปรุงพันธุ์ ทำให้สามารถปลูกได้ในสภาพอุณหภูมิสูงและปลูกได้ตลอดปี เช่น พันธุ์ทรอปปิคอล ดีไลท์(Tropical Delight), Ky-108 cross
สภาพดิน
กะหล่ำปลี สามารถปลูก ได้ในดินแทบทุกชนิด แต่จะให้ผลผลิตสูง ในดินที่มีสภาพร่วนปนทรายระบายน้ำได้ดี มีความเป็นกรด-ด่าง อยู่ในช่วง 6.0-6.8
การเพาะกล้ากะหล่ำปลี
สามารถทำได้หลายวิธี คือ
การเพาะเมล็ดในแปลงเพาะกล้า โดยการเตรียมแปลงกว้าง 1-1.5 เมตร ความยาวขึ้นอยู่กับพื้นที่ยกแปลงให้สูง 15-20 ซม. ปรับหน้าดินให้ละเอียด ควรผสมปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักที่สลายตัวแล้ว คลุกเคล้าให้เข้ากัน แล้วทำการหว่านเมล็ดให้กระจาย สม่ำเสมอทั่วแปลง คลุมด้วยฟางข้าว หรือแกลบข้าว หนาพอประมาณ รดน้ำให้ชุ่ม
ข้อควรระวัง
- ถ้าหากมีมด หรือแมลงมารบกวนอาจหว่านด้วยยาอะลามอน หรือยาพวกเซฟวิน ละลายน้ำรดบนแปลงหลังจากหว่านเมล็ด
- เมื่อต้นกล้าเริ่มมีใบจริง 1-2 ใบ ฉีดยาป้องกันโรคและแมลงโดยใช้อะโซดรินผสมไดเทนเอ็ม 45 หรือคาโดนิลทุก 7-10 วัน
- ควรย้ายปลูกเมื่อต้นกล้ามีใบจริง 4 ใบ หรืออายุประมาณ 25-30 วัน
การเพาะเมล็ดลงในกระบะเพราะกล้า เพื่อความสะดวกและง่ายต่อการดูแลรักษาต้นกล้าและประหยัดเมล็ดพันธุ์ วิธีการนี้โดย การนำเอากระบะเพาะกล้าสำเร็จที่มีหลุมเพาะจำนวน 104 หลุม แล้วบรรจุวัสดุเพาะที่เรียกว่ามีเดีย(Media) ซึ่งใช้แทนดินเพาะ ใส่ลงไปปรับให้เรียบแล้วรดน้ำให้ชุ่ม จากนั้นนำเมล็ดพันธุ์เพาะลงไปหลุมละ 1-2 เมล็ด รดน้ำทุกวัน หลังจากเพาะ 3-4 วัน เมล็ดเริ่มงอก ดูแลรักษาต่อไป 20-25 วัน ต้นกล้ามีใบจริง 4 ใบ ก็สามารถย้ายลงไปปลูกในแปลงได้ ซึ่งการเคลื่อนย้าย ต้นกล้าก็สามารถยกไปทั้งกระบะและการะปลูกโดยวิธีนี้ทำให้ต้นกล้าตั้งตัวและมีอัตราการติดที่สูง
การเตรียมแปลงปลูก และการย้ายปลูก
เนื่องจากกะหล่ำปลีเป็นพืชที่มีระบบรากตื้นควรไถดินลึกประมาณ 15-20 ซม. เพื่อปรับปรุงความอุดมสมบูรณ์ ของดินควรใส่ปุ๋ยหมัก หรือปุ๋ยคอกที่สลายตัวดีแล้ว การปรับสภาพความเป็นกรด-ด่างของดิน ควรใส่ปูนขาวหรือโดโลไมท์ด้วย
แปลงปลูกควรกว้าง 90-100 ซม. ความยาวแล้วแต่ความเหมาะสมใน 1 แปลงปลูก 2 แถว แต่ละแถวห่างจากขอบแปลงเข้ามา 25 ซม. จะได้ระยะปลูกที่เหมาะสมคือ 40-60 ซม. แปลงปลูกควรรองพื้นด้วยปุ๋ยคอก 1-1.5 ตัน ปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15 อัตรา 50 กก. ฟูราดาน 3% จี 3-5 กก./ไร่
การย้ายกล้า
ควรย้ายกล้ากะหล่ำปลีเมื่อต้นกล้ามีขนาดพอดีซึ่งจะมีอายุอยู่ระหว่าง 25-30 วัน แต่ถ้าต้นกล้ามีขนาดใหญ่เกินไปควรมีการตัด ปลายใบออกบ้าง ควรย้ายกล้าปลูกช่วงเวลาบ่ายถึงเย็น หรือช่วงที่มีอากาศมือครึ้ม คลุมฟางหรือหญ้าแห้งสะอาดบางๆ เพื่อช่วยรักษา ความชื้นในดิน และช่วยพรางแสงให้ต้นกล้าในระยะแรกของการปลูก
การปฏิบัติดูแลรัษากะหล่ำปลี
- การให้ปุ๋ย ให้ปุ๋ยสูตร 14-14-21 หรือ 13-13-21 สูตรใดสูตรหนึ่ง อัตรา 50-70 กก./ไร่ แบ่งใส่ 2 ครั้ง ครั้งแรกใส่ปริมาณครึ่งหนึ่งรองพื้น ครั้งที่ 2 อีกครั้งที่เหลือแบบโรยข้างแล้วพรวนกลบ หรือหว่านในร่องน้ำและควรให้ปุ๋ยไนโตรเจนบ้าง ตามความเจริญเติบโ่ตของพืช
- การให้น้ำ ต้องให้อย่างสม่ำเสมออย่าให้ขาดน้ำจะทำให้ต้นพืชชะงักการเจริญเติบโต
- การพรวนดินกำจัดวัชพืชและการฉีดพ่นสารเคมีกำจัดโรคและแมลง ควรปฎิบัติบ่อยๆ โดยเฉพาะระยะแรกของการเจริญเติบโต นอกจากนี้ควรมีการใช้สารบอแรกซ์ฉีดพ่น ด้วยในระยะห่อหัวจะช่วยให้กะหล่ำปลีห่อหัวได้ดีและแน่น เพราะสารบอแรกซ์นี้ จะให้ธาตุ โบรอนแก่พืชเพื่อให้การเจริญเติบโตด้วย
การเก็บเกี่ยวกะหล่ำปลี
ควรเลือกต้นกะหล่ำปลีที่ห่อหัวแน่นใช้มีดตัดให้มีใบติดมากับหัวกะหล่ำปลีด้วย เพื่อป้องกันความชอกช้ำขณะขนส่งไม่ควรยืออายุการ เก็บเกี่ยวให้นานเกินไป เพราะจะเสี่ยงต่อการปริแตกของหัวรวมทั้งการเข้าทำลายของโรคและแมลง
ที่มา http://www.vegetweb.com
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)