การปลูกและทำแปลงถั่วฝักยาว
การปลูกพืช ผักสวนครัว
การปลูกถั่วฝักยาว เป็นอีกหนึ่งในกลุ่ม พืชผักสวนครัวรั้วกินได้
ที่น่าปลูกชนิดหนึ่ง เพราะการปลูกแบบธรรมชาตินั้น จะให้ผลผลิตมีคุณภาพดี
เทคนิคการปลูกในแบบหลายๆ อย่าง โดยเกษตรกรในหลายชุมชน
เช่น ชุมชนบ้านสี่แยกทุ่งแย้ หมู่ 5 ตำบลไชยมนตรี อำเภอเมือง
จังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งมีความสนใจด้านการเกษตรเป็นอย่างมาก
จึงใช้พื้นที่ของตนเองปลูกผักสวนครัว ซึ่งมีการสลับปรับเปลี่ยนไปเรื่อยๆ
เช่น แตงกวา มัน พริก ผักชี ฯลฯ
ปัจจุบันได้ปลูกถั่วฝักยาวอยู่ในช่วงให้ผลผลิต
ซึ่งแปลงถั่วฝักยาวแปลงนี้ได้รับคำชมเชยจาก เพื่อน ๆ ว่าเป็นแปลงที่สวยมาก
เคล็ดลับในการปลูกถั่วฝักยาวให้มีคุณภาพดี จากปากคำของคุณอาภรณ์ ช่วยนุกูล
เกษตรกรในชุมชนนั่นเอง คือ
เคล็ดลับการปลูกถั่วฝักยาวให้มีคุณภาพดี
- ควรปลูกแบบวิธีทำค้าง โดยใช้ไม้ไผ่ปักเป็นแนวและใช้ตาข่ายขึง เพื่อให้ต้นถั่วไต่ จะทำให้ฝักถั่วยาวขึ้น ราคาดีขึ้น
- ใส่ปุ๋ยหมักชีวภาพทุกๆ 10 – 15 วันต่อครั้ง หลุมละ 1 กำมือทำให้ได้ผลผลิตมากและนานกว่าปกติถึง 2 เดือน
- รดน้ำผสมน้ำสกัดชีวภาพทุกครั้งเมื่อใส่ปุ๋ยชีวภาพเพิ่ม
- ฉีดพ่นน้ำหมักชีวภาพ ป้องกันแมลง เพลี้ยอ่อน โดยเพิ่มกากน้ำตาลหรือผงซักฟอก ให้เป็นสารจับใบ
- ตัดใบออกทิ้งบ้าง เพื่อให้ลำต้นนำสารอาหารไปเลี้ยงฝักถั่วมากขึ้น ทำให้ได้ฝักถั่วเพิ่มขึ้น
- ควรปลูกถั่วฝักยาวในพื้นที่ ที่แสงแดดส่องถึง
ถั่วฝักยาว เป็นพืชตระกูลถั่ว
ซึ่งมีลำต้นเป็นเถาเลื้อยมีมือจับ แปลงปลูกถั่วฝักยาว โดยการทำค้าง
จะให้ผลผลิตสูง ถั่วชนิดนี้เป็นผักที่ลูกง่ายโตเร็ว ปลูกได้ตลอดปี
ในดินแทบทุกชนิด มีความนิยมบริโภคกันมากในเมืองไทย
สามารถประกอบอาหารได้หลายชนิด นอกจากจะเป็นผักที่มีคุณค่าทางอาหารแล้ว
ยังสามารถช่วยปรับปรุงดินให้ดีขึ้นอีกด้วยเพราะรากของถั่วฝักยาวเองสามารถ
ตรึงไนโตรเจนจากอากาศไว้ในดินได้ดี
สภาพดินฟ้าอากาศในการทำแปลงปลูกถั่ว
โดยทั่วไปถั่วฝักยาวสามารถปลูกได้ทั่วทุกภาคของประเทศไทย
สามารถเติบโตได้ในดินแทบทุึกชนิด แต่ปลูกได้ดีในดินร่วนปนทราย
ระบายน้ำได้ดี มีความเป็นกรด-ด่าง ของดินอยู่ระหว่าง 5.5-6.0
ต้องการแสงแดดเต็มที่ตลอดวัน ชอบอากาศค่อนข้างร้อน
ถ้าอากาศหนาวเกินไปจะทำให้ชงักการเจริญเติบโตผลผลิตต่ำ ฝักไม่สวย
ถั่วฝักยาวจะใ้ห้ผลผลิตดีในช่วงฤดูฝน อุณหภูมิที่เหมาะสม
สำหรับการเจริญเติืบโตอยู่ในช่วง 15-30 องศาเซลเซียส
การเตรียมดินสำหรับปลูก
ยกร่องแปลงกว้าง 1-1.20 เมตร ความยาวแล้วแต่สภาพแปลง ตากดินไว้ 7-10 วัน
เพื่อทำลายไข่แมลง และศัตรูบางชนิดแล้วไถคราด ใส่ปุ๋ยคอกปุ๋ยหมัก
เพื่อปรับสภาพโครงสร้างดิน และการบำรุงดิน
แปลงถั่วฝักยาว
ทำหลุมปลูก
หลังปรับร่องแปลงให้ขุดหลุมปลูกระยะระหว่างต้น 50 เซนติเมตร ระยะระหว่าง 80
เซนติเมตร รองกันหลุมด้วยปุ๋ยเคมี-อินทรีย์ตราบัวทิพย์ สูตร2 ในอัตรา 1
ช้อนชาต่อหลุม คลุกเคล้าให้เข้ากับดินแล้วหยอดเมล็ดลงไปหลุมละ 2-3 เมล็ด
กลบหลุมด้วยปุ๋ยคอกหนา เพียงเล็กน้อย แล้วรดน้ำทุกวัน วันละครั้ง
การทำค้าง
เนื่องจากถั่วฝักยาวเป็นพืชที่ต้องอาศัยค้างเพื่อยึดเกาะพยุงลำต้น
ดังนั้นควรทำไม้ค้างให้เพื่อจะได้ผลผลิตที่ดี และมีคุณภาพสูง
โดยใช้ไม้ไผ่ยาว 2-2.5 เมตร การปักอาจปักแบบกระโจมเข้าหากัน
แล้วรวบปลายไม้เข้าหากันหรืออาจจะปักตรงๆ แต่ละต้นก็ได้
หลังปักค้างเสร็จจับเถาถั่วพันรอบไม้ค้าง ต้องคอยทำทุกๆ 2-3 วัน
การปฏิบัติดูแลรักษา
การให้น้ำ ถั่วฝักยาวเป็นพืชที่ต้องการน้ำอย่างสม่ำเสมอและเีพียงพอ
ระยะเวลาการเจริญเติบโตของถั่วฝักยาว
ควรเหมาะกับการให้น้ำในระยะอาทิตย์แรกหลังหยอดเมล็ดควรให้น้ำทุกวัน
อย่าให้ดินแห้งแต่อย่าให้มากเกินไปเพราะจะทำให้เมล็ดอาจเน่าได้
ส่วนระยะการเจริญเติบโต และติดดอกออกผลอย่าให้ขาดน้ำเป็นอันขาด
ควรให้น้ำทุกวันๆ 2 ครั้งในช่วงเช้าเย็น เพราะจะทำให้ดอกร่วง และไม่ติดฝัก
หรือฝักอาจไม่สมบูรณ์
การใส่ปุ๋ยกับถั่วฝักยาว
- ใส่รองพื้นขณะเตรียมแปลงปลูก ใช้ปุ๋ยเคมี-อินทรีย์ตราบัวทิพย์ สูตร2 ในอัตรา 1ช้อน ชาต่อหลุม
- ใส่เมื่อถั่วฝักยาวอายุได้ 15-20 วัน ให้ปุ๋ยเคมี-อินทรีย์ตราบัวทิพย์ สูตร2 ในอัตรา 1 ช้อน ชาต่อหลุม
- ใส่เมื่อเริ่มเก็บผลผลิตถั่วฝักยาวครั้งแรก อายุประมาณ 45-50 วัน ให้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักอย่างสม่ำเสมอ
การพรวนดินกำจัดวัชพืชทำทุกครั้งเมื่อมีการใส่ปุ๋ย
การเก็บเกี่ยว
หลังหยอดเมล็ดแล้วประมาณ 50-60 วัน สามารถเก็บเกี่ยวได้
ให้เลือกเก็บเฉพาะฝักที่ขนาดพอดี ไม่อ่อนเกินไป
ควรเลือกเก็บในเวลาเข้าหรือเย็นๆ
หลังเก็บเกี่ยวเสร็จควรรีบเก็บเข้าร่มทันทีเพื่อมิให้ถั่วฝักยาวเหี่ยว
และฝ่อเร็ว การเก็บให้ทยอยเก็บ 2-3 วัน/ครั้ง
อุปสรรคสำคัญในการปลูกถั่วฝักยาว คือ โรค ซึ่งจะทำให้คุณภาพและผลผลิตลดลงจนไม่สามารถส่งขายได้ โดยโรคต่างๆ มีรายละเอียดดังนี้
โรคราเขม่า
เกิดจากเชื้อรา สูโดเซอร์คอสปอรา อาการคือ
มักปรากฏอาการที่ใบแก่ตอนโคนต้นใบด้านบนจะเป็นปื้นสีขาวซีด เป็นดวงๆ
พลิกดูใต้ใบจะพบคล้ายผงเขม่าสีเทาดำเมื่อระบาดรุนแรงจะพบผงเขม่ามากขึ้น
แผลใหญ่ขึ้น ใบจะแห้งและหลุดร่วงไป
แล้วลุกลามขึ้นด้านบนทำให้ใบที่อยู่กลางๆ ต้นเป็นโรคด้วย
ทำให้ต้นถั่วโทรมเร็วและผลผลิตลดลง
การป้องกันกำจัด
1. ลดความชื้นในแปลงปลุกโดยเพิ่มระยะปลูกให้ห่างขึ้นหรือลดจำนวนต้นต่อหลุม
2. เมื่อพบเริ่มแรกควรรีบเก็บใบที่เป็นโรคเผาทำลาย หมั่นตรวจดูบริเวณส่วนล่างของต้นและใบในทรงพุ่ม เพื่อจะได้ป้องกันได้ทันที
3. ถ้าพบมากขึ้น แนะนำให้ใช้สารเคมีประเภทแมนโคเซปฉีดพ่นสลับกับเบนโนมิลหรือคาร์เบน ดาซิม
4. หลังเก็บเกี่ยวผลผลิตแล้ว ควรทำความสะอาดแปลงปลูกทันที
โรคราแป้ง
เกิดจากเชื้อรา ออยเดียม อาการคือ จะพบผงสีขาว ทั้งด้านใต้ใบและบนใบ
ถ้าเป็นมากผงสีขาวจะหนาแน่นมองเห็นชัดเจน
เมื่อเอามือลูบจะหลุดออกเป็นแผ่นจะพบมากบริเวณโคนต้น แล้วลุกลามขึ้นด้านบน
และผงสีขาวจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลแดง และระบาดโดยปลิวไปตามลม
การป้องกันกำจัด
1. ไม่ควรเก็บเมล็ดพันธุ์จากต้นเป็นโรคไปทำพันธุ์
2. ควรรดน้ำต้นถั่วให้เปียกทั่วใบอย่างสม่ำเสมอ เพราะส่วนขยายพันธุ์ของเชื้อราแป้งนี้จะไม่งอก ถ้ามีละอองน้ำมากๆ
3.
แปลงที่มีประวัติการระบาดของโรคนี้ควรพ่นสารป้องกันจำพวกกำมะถันผงละลายน้ำ
หรือคาราเทน ควรพ่นในตอนเย็นที่หมดแดดแล้ว (สารดูดซึมอื่นๆ
มีอีกหลายชนิดแต่ราคาแพงไม่คุ้มกับการลงทุน แต่ในฤดูที่ถั่วยาวมีราคาสูง
อาจใช้สารประเภทดูดซึมฉีดพ่นก็ได้)
4. แปลงที่เป็นโรคมากควรรื้อและเผาทำลายทันที ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้ให้เป็นแหล่งแพร่กระจายของเชื้อโรคต่อไป
โรคราสนิม
เกิดจากเชื้อรา ยูโรมายเซส อาการคือ จะพบที่ใบแก่เป็นส่วนมาก
โดยมีตุ่มนูนขนาดเล็กๆ สีเหลืองซีด ตรงกลางตุ่มมีแผลแตก
ซึ่งจะมีผงสีสนิมเหล็กเกาะอยู่เป็นกลุ่ม เมื่อโรคระบาดมากขึ้น
จำนวนจุดต่อใบจะมากขึ้นลุกลามจากส่วนล่างๆ สู่ส่วนบนของต้น
และใบที่เป็นมากจะเหลืองและร่วงหล่นไป มักจะพบอยู่เสมอในทุกๆ
แหล่งที่มีการปลูกถั่วฝักยาว
การป้องกันกำจัด
1. หมั่นตรวจดูแปลงปลูกอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะใบในทรงพุ่มและใบแก่ตอนล่างของต้น
2. ถ้าพบโรคนี้ ควรพ่นด้วยสารจำพวกกำมะถันผง ละลายน้ำ หรือสารประเภท แมนโคเซป
3. แปลงปลูกที่ทรุดโทรมแล้ว ควรรีบรื้อออกและเผาทำลายเพื่อตัดต้นตอของโรคที่จะระบาดในการปลูก ครั้งต่อไป
โรคใบด่าง
เกิดจาก เชื้อวิสา มีแมลงปากดูดเป็นพาหะ อาการคือ
จะพบโรคใบด่างได้ทั่วทุกแปลงที่ปลูกถั่วฝักยาว อาการคือใบจะด่าง
สีเหลืองสลับเขียวอ่อนและขาวซีด
จะเห็นได้ชัดเจนโรคนี้จะแพร่กระจายโดยติดไปกับเมล็ดพันธุ์หรือแมลงปากดูดถ้า
เป็นกับต้นถั่วที่ยังเล็ก จะไม่ให้ผลผลิต
การป้องกันกำจัด
ยังไม่มีคำแนะนำในเรื่องการใช้สารเคมี
แต่มีแนวทางป้องกันโดยเริ่มจากการคัดเลือกเมล็ดพันธุ์จากต้นที่แข็งแรง
สมบูรณ์ไว้ทำพันธุ์ กำจัดต้นที่เป็นโรคทิ้งไป
และพ่นสารเคมีป้องกันแมลงปากดูดเพื่อยับยั้งการแพร่กระจายของโรคนี้
ที่มา ฝ่ายส่งเสริมการเกษตร สำนักวิจัยและส่งเสริมวิชาการการเกษตร มหาวิทยาลัยแม่โจ้ เชียงใหม่
ข้อมูลการเกษตรที่เกี่ยวข้อง ที่อาจสนใจ
ที่มา http://www.kasetorganic.com