ในสภาวะที่พื้นที่การเกษตรถูกน้ำท่วมขังเป็นเวลานาน จนเกิดความเสียหายกับพืชที่ปลูกอยู่ หลังจากน้ำลดลงแล้ว ก่อนที่จะปลูกพืชใหม่อีกครั้ง
เกษตรกรจะต้องให้ความใส่ใจกับวิธีการปรับปรุงดินหลังน้ำลด เนื่องจากในสภาพที่ดินถูกน้ำท่วมขัง ดินจะอิ่มตัวด้วยน้ำจนอ่อนตัว โครงสร้างของดินจะง่ายต่อการถูกทำลาย และเกิดการอัดแน่น ดังนั้น
กรมวิชาการเกษตรจึงได้ให้คำแนะนำไว้ดังนี้
• เกษตรกรต้องเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่ที่ถูกน้ำท่วมให้เร็วที่สุด
เพื่อเป็นการเติมอากาศและออกซิเจนให้กับดิน ช่วยเร่งการฟื้นฟูและเพิ่มประสิทธิภาพการดูดน้ำและธาตุอาหารของรากพืชให้ดีขึ้น สําหรับวิธีการระบายน้ำสามารถทําได้โดยการขุดร่องระบายน้ำความลึกอย่างน้อย 30650 เซนติเมตร เท่ากับความลึกของรากพืชส่วนใหญ่
การขุดร่องจะขุดระยะห่างระหว่างร่อง 8612 เมตร หรือกึ่งกลางระหว่างแถวปลูกไม้
ยืนต้น
• หลีกเลี่ยงการเตรียมดินด้วยเครื่องจักรกลหนัก
หรือไม่ ควรใช้เครื่องจักรกล
เพราะเครื่องจักรกลจะทําให้ดินยุบตัวและแน่นทึบมากขึ้น การระบายน้ำและอากาศในดินจะยิ่งแย่ลง ส่งผลเสียต่อการไหลซึมของน้ำ ผลเสียต่อการเจริญเติบโต และความสามารถในการหาอาหารของรากพืช
• ควรปลูกพืชโดยลดการไถพรวน หรือไม่มีการไถพรวนดิน เพื่อลดการรบกวนสภาพโครงสร้างของดิน
ดังนั้น ถ้าเป็นดินนา
เกษตรกรที่ต้องการปลูกข้าวหลังน้ำลด
ให้ขังน้ำไว้ในแปลงนา แล้วคราดหรือเก็บเศษซากวัชพืช เศษฟางข้าวออกให้หมด
แล้วปักดําข้าวลงในแปลงนาได้เลย แต่ถ้ากรณีเป็นดินทรายหรือดินร่วนปนทราย อาจไถด้วยเครื่องมือเบาๆ 1
ครั้ง แล้วจึงปักดํา สําหรับการปลูกข้าวหลังน้ำท่วม ไม่แนะนําให้ใช้วิธีหว่านน้ำตม เพราะการย่อยสลายเศษ
ซากพืช
และฟางข้าวที่ไม่สมบูรณ์จะทําให้เมล็ดข้าวที่หว่านตายได้ แต่ถ้าหากน้ำลดจนหน้าดินแห้งแล้ว สามารถไถพรวนและหว่านน้ำตามได้ ในกรณีที่ต้องการปลูกพืชไร่ เกษตรกรสามารถใช้ประโยชน์จากน้ำหรือความชื้นที่สะสมอยู่ในดินหลังน้ำลด
โดยการหยอดหรือหว่านเมล็ดพืชลงในดินได้เลย
โดยไม่ต้องไถพรวนดินก่อน เช่น ข้าวโพด
ถั่วเขียว เป็นต้น
• ควรใช้เครื่องมือเบาหรือเครื่องมือขนาดเล็กในการไถพรวนดิน ในกรณีที่มีความจําเป็นต้องไถพรวนดินเพื่อทําลายและกําจัดวัชพืชก่อนการปลูกพืชหลัก ควรรอให้หน้าดินเริ่มแห้งและมีความชื้นพอเหมาะในการไถพรวน แต่เกษตรกร ควรพิจารณาเลือกใช้เครื่องจักรกลขนาดเล็กและมีน้ำหนักเบา เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อโครงสร้างดิน หรือส่งผลกระทบน้อยที่สุด
• ควรมีการพักดิน โดยปล่อยพื้นที่ทิ้งว่างให้วัชพืชขึ้น หรือปลูกพืชตระกูลถั่วคลุมดินไว้ เช่น
ถั่วพร้า ถั่วมะแฮะ เป็นต้น เป็นวิธีการที่เหมาะในการฟื้นฟูสภาพดินหลังน้ำลด และเป็นการเพิ่มธาตุอาหารให้แก่ดินก่อนการปลูกพืชในฤดูต่อไป
• ควรขุดลอกดินทรายออกจากพื้นที่หลังน้ำท่วม ในกรณีที่เกิดน้ำท่วมเนื่องจากน้ำป่าไหลหลาก จะมีดินทรายถูกพัดพามาทับถมอยู่บนผิวดินค่อนข้างมาก เมื่อน้ำลดแล้วควรขุดลอกดินทรายออกจากพื้นที่จนถึงผิวดินเดิม หรือลอกออกให้มากที่สุด
เพื่อให้ดินแห้งเร็วขึ้นและช่วยเร่งขบวนการเติมอากาศและออกซิเจนให้แก่ดิน ในกรณีที่พื้นที่เกษตรที่ถูกน้ำท่วม ยังมีพืชยืนต้นอยู่ในแปลง การจัดการสภาพดินหลังน้ำลดจะช่วยให้ต้นพืชฟื้นตัวได้เร็ว แต่เนื่องจากหลังน้ำท่วม รากพืชไม่สามารถทําหน้าที่ดูดน้ำและธาตุอาหารได้อย่างเต็มที่ วิธีการให้ปุ๋ยทางใบกับไม้ผลไม้ยืนต้น จะช่วยให้พืชฟื้นตัวได้เร็วยิ่งขึ้น
เรียบเรียงโดย
ปาลลิน พวงมี นักวิชาการเกษตรชํานาญการ
สํานักส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 2
จังหวัดราชบุรี