วันเสาร์ที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2555

รวยด้วยลําไยนอกฤดู

                 ลำไยเป็นพืชเศรษฐกิจและเป็นไม้ผลอันดับที่ 1  คู่กับวัฒนธรรมและชุมชนของผู้คนในจังหวัดเชียงใหม่ และลำพูนมาช้านาน  สามารถสร้างรายได้เลี้ยงครอบครัว  สร้างฐานะความเป็นอยู่ส่งลูกหลานเรียนจบทั้งในและต่างประเทศ  ลำไยเป็นพืชที่ต้องการอากาศที่หนาวเย็นเพื่อกระตุ้นการออกดอกในฤดูช่วงเดือน มกราคม  พื้นที่ปลูกลำไยริมฝั่งแม่น้ำปิง    คนเฒ่าคนแก่เรียกพื้นที่น้ำไหลทรายมูล  ฤดูกาลที่ลำไยออกสู่ตลาดช่วงเดือนกรกฎาคมถึงสิงหาคมเท่านั้น  พันธุ์ที่ปลูกได้แก่  พันธุ์สีชมพู  พันธุ์เบี้ยวเขียว  พันธุ์แห้ว  และพันธุ์อีดอ  (พันธุ์ที่ออกก่อนฤดู)  การบริหารจัดการและระบบการผลิตพึ่งพาธรรมชาติเป็นส่วนใหญ่
                ในปี  2541  มีการค้นพบสารโพแทสเซียมคลอเรต  ที่สามารถทำให้ลำไยออกดอกนอกฤดูกาลได้  โดยช่างทำดอกไม้ไฟไม่ต้องอาศัยอากาศหนาวเย็นก็สามารถทำให้ลำไยออกดอกได้  สามารถปลูกได้ทั่วไปเกือบทุกภาคของประเทศ  ทำให้มีการขยายพื้นที่การปลูกอย่างมากในภาคเหนือตอนบน  และภาคตะวันออกในอำเภอโป่งน้ำร้อนและอำเภอสอยดาว  จังหวัดจันทบุรี  ซึ่งผลิตลำไยนอกฤดูเท่านั้น  สามารถทำรายได้ให้กับเกษตรกรเจ้าของสวนเป็นกอบเป็นกำกว่าไม้ผลดั่งเดิมของ จังหวัด  ไม่มีปัญหาเรื่องราคาผลผลิตเหมือนกับลำไยในจังหวัดอื่น ๆ  ที่มีปัญหาบางปีลำไยให้ผลผลิตมาก  ผลผลิตล้นตลาด  ราคาถูก  ไม่คุ้มค่ากับต้นทุนการผลิต
                ซึ่งปัญหาการผลิตลำไยในภาคเหนือโดยเฉพาะเชียงใหม่และลำพูน  ยังเป็นการผลิตลำไยในฤดู  และอาศัยปัจจัยการผลิตโดยอิงธรรมชาติแบบดังเดิมอยู่ใช้องค์ความรู้และ เทคโนโลยีในการผลิตค่อนข้างน้อยและเป็นส่วนน้อยที่ผลิตลำไยนอกฤดู  ทำให้ขาดแคลนแรงงานในช่วงลำไยออกสู่ตลาด  ลำไยต้นสูงต้องเสียเวลาในการปีนเก็บและค่าไม้ค้ำ  คุณภาพขนาดของผลและสีผลไม่ตรงตามความต้องการตลาด  ผลผลิตกระจุกตัวทำให้พ่อค้าได้เปรียบ  การแปรรูปรองรับไม่ทัน  สิ่งต่าง ๆ ที่กล่าวมาข้างต้นเป็นผลกระทบและเกี่ยวข้องกับเกษตรกรผู้ปลูกลำไยในฤดู

จ่า สิบเอกอุดม  รังสรรค์  เกษตรกรผู้ปลูกลำไยแบบมืออาชีพเงินล้าน  ผลิตลำไยนอกฤดูในพื้นที่จำนวน  70  ไร่  ตำบลบงตัน  อำเภอดอยเต่า  จังหวัดเชียงใหม่  จ่าสิบเอกอุดม  เล่าว่า  พื้นที่ของอำเภอดอกเต่าเป็นพื้นที่ดอย  ดินเป็นดินทราย  เกษตรกรอำเภอดอยเต่าร้อยละ  90  ปลูกลำไย
                พื้นที่ปลูกลำไยของจ่าสิบเอกอุดมและครอบครัวทั้งหมดประมาณ  70  ไร่  พ่อตาเริ่มปลูกลำไยตั้งแต่  พ.ศ.  2519  ผลิตลำไยในฤดูมาโดยตลอด  จนกระทั่ง  พ.ศ.  2541  มีสารโพแทสเซียมคลอเรตเข้ามา  สามารถทำให้ลำไยออกดอกนอกฤดูได้  จึงทำให้หันมาผลิตลำไยนอกฤดูตั้งแต่  พ.ศ.  2543  อย่างล้มลุกคลุกคลานขาดทุนตลอด  จนกระทั่งได้เข้ารับการอบรมการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตลำไยนอกฤดูคุณภาพของ  มหาวิทยาลัยแม่โจ้  โดยทีมงานวิทยากร  ผศ.พาวิน  มะโนชัยและคณะ  ในพ.ศ.  2548  หลังจากได้รับความรู้ได้นำมาผสมผสานกับประสบการณ์ของตัวเองและการดูงานจาก แหล่งผลิตลำไยนอกฤดูในจังหวัดต่าง ๆ  รวมทั้งการผลิตลำไยนอกฤดูของจังหวัดจันทบุรีมาปรับปรุงและพัฒนาการผลิตลำไย ในสวนของตัวเองกับลำไย  1,400  ตัน  และได้รวมกลุ่มกันก่อตั้งชมรมพัฒนาคุณภาพลำไย  ในปัจจุบันมีสมาชิกกลุ่มถึง  800  คน  ผลิตลำไยนอกฤดูโดยแบ่งใส่เป็นรุ่น ๆ  (แบ่งพื้นที่ออกเป็นส่วน)  ถึงได้ประสบความสำเร็จ

เทคนิคและการบริหารจัดการลำไยนอกฤดู                 พันธุ์ลำไยเป็นพันธุ์อีดอทั้งหมด
                พื้นที่ปลูกทั้งหมด                70  ไร่
                ระยะปลูก                     10x10  เมตร
                ในส่วนของการบริหารจัดการการผลิตลำไยให้ประสบความสำเร็จจะต้องเอาการตลาด เป็นตัวนำการผลิต  เพราะเมื่อผลผลิตออกจะตรงกับความต้องการของตลาดและราคาจะสูง  โดยในสวนจะแบ่งการผลิตออกเป็น  4  ส่วน ๆ ละ  200-300  ต้น  ตามเทศกาลของประเทศจีนเป็นหลัก  และลดความเสี่ยง  คือ
                ช่วงที่ 1  ให้สารเดือนมีนาคม  เก็บผลผลิตเดือนกันยายน  ตรงกับงานชาติจีน
                ช่วงที่ 2  ให้สารเดือนเมษายน  เก็บผลผลิตเดือนธันวาคม  เทศกาลปีใหม่สากล
                ช่วงที่ 3  ให้สารเดือนมิถุนายน  เก็บผลผลิตเดือนมกราคม  ก่อนเทศกาลตรุษจีน
                ช่วงที่ 4  ให้สารเดือนกรกฎาคมถึงสิงหาคม  เก็บผลผลิตเดือนมีนาคม  วันเชงเม้ง
                นอกจากการใช้ตลาดเป็นตัวนำแล้วสิ่งสำคัญที่สุดคือ  ต้องมีแหล่งน้ำเพียงพอและความสมบูรณ์ของต้นลำไยและการแบ่งทำเป็นรุ่น ๆ  จะช่วยลดความเสี่ยงในเรื่องของราคา

การตัดแต่งกิ่ง
                ตัดแต่งกิ่ง  2  รูปแบบ  คือ  ทรงเปิดกลางทรงพุ่มและทรงฝาชีหงาย
                ความสูงประมาณ  3  เมตร  ข้อดีของการตัดแต่งกิ่ง  คือ  ต้นเตี้ยการเก็บเกี่ยวและการจัดการง่าย  ทรงพุ่มโปร่งไม่ค่อยมีโรคและแมลงระบาด  การตอบสนองต่อสารโพแทสเซียมคลอเรตดี  ออกดอกติดผลดี  ผลโตสม่ำเสมอ

การแตกใบอ่อน
                แตกใบอ่อน  2  ครั้งเป็นอย่างน้อย  ถึงจะกระตุ้นการออกดอก

การให้สารโพแทสเซียมคลอเรต
                ระยะใบเพสลาด  คือ  ใบเริ่มจะแก่จึงเริ่มให้สารโพแทสเซียมคลอเรต  ต้องวิเคราะห์ความบริสุทธิ์ของสารคลอเรต  ก่อนโดยส่งให้ภาควิชาทรัพยากรดินและสิ่งแวดล้อม  คณะผลิตกรรมการเกษตรมหาวิทยาลัยแม่โจ้  ค่าวิเคราะห์ตัวอย่างละ  90  บาท  เพื่อให้แน่ใจได้ว่าเป็นสารที่บริสุทธิ์จะได้กำหนดปริมาณสารให้ถูกต้อง  และไม่เกิดปัญหากับการออกดอกของลำไยตามมาภายหลัง  เพราะถ้าหากไม่บริสุทธิ์จะทำให้ลำไยออกดอกไม่สม่ำเสมอ  ทำให้ขาดทุน  และกว่าจะรู้ต้องรอถึง  25  วันขึ้นไปกว่าลำไยจะแทงช่อดอก

วิธีการให้สารโพแทสเซียมคลอเรต
                -  ต้นลำไยอายุ  13-15  ปี  ให้สาร  1  ถึง  1.5  กิโลกรัม
                -  ทำความสะอาดภายในทรงพุ่ม
                -  หวานสารคลอเรตในทรงพุ่มและใช้บัวรดน้ำรดน้ำตามพอให้สารละลายหมด
                -  ให้สารช่วงตอนเช้าจะได้ผลดีที่สุด  (ตอนบ่ายหยุด)
                -  หลังจาก  25  วัน  ลำไยจะเริ่มแทงช่อดอกให้เห็น

การให้น้ำ
                ทำคันรอบทรงพุ่มลำไย  ให้น้ำอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่องโดยการสังเกตว่าถ้าดินในทรงพุ่มเริ่มแห้งก็ให้น้ำ

การให้ปุ๋ย
                เก็บตัวอย่างดินวิเคราะห์ความอุดมสมบูรณ์ของดิน
                1.  ให้ปุ๋ยช่วงหลังตัดแต่งกิ่ง โดยให้ปุ๋ยยูเรียและปุ๋ยคอกหรือสูตรตัวหน้าสูง  สูตร  28-7-7
                2.  ให้ช่วงการแตกใบอ่อนแต่ละครั้ง  โดยใช้สูตรเสมอ  เช่น  15-15-15
                3.  ให้เมื่อติดผลเท่าหัวไม้ขีดไฟให้สูตรเสมอ  สูตร  15-15-15
                4.  ให้เมื่อเมล็ดเริ่มเปลี่ยนสีจากขาวเป็นน้ำตาลให้สูตรตัวหลังสูง  สูตร  13-13-21
การดูแลรักษาโรคและแมลง
                โดยมากไม่ได้ใช้ยาฆ่าแมลงและยาป้องกันเชื้อรา เพราะไม่พบการระบาดของโรคและแมลงศัตรูลำไย 
                 จ่าสิบเอกอุดมได้กล่าวทิ้งท้ายถึงความสำเร็จจนเป็นเกษตรกรผู้ผลิตลำไยนอกฤดู เงินล้านอย่างมืออาชีพ  คือ  เมื่อก่อนรับราชการทหาร  เวลาทำงานคือ  8.00-16.30  น.  หยุดวันเสาร์และวันอาทิตย์  แต่การดูแลสวนลำไยต้องตื่นนอนแต่เช้ามาดูแลสวนจนถึงมืดค่ำ  ไม่มีวันหยุดราชการเสาร์-อาทิตย์  ในเดือนนี้กุมภาพันธ์  จ่าสิบเอกอุดมสามารถขายผลผลิตลำไย  200  ต้นได้เงินประมาณ   1,200,000  บาท  โดยการขายเหมาให้พ่อค้าคนกลางและได้ฝากถึงเกษตรกรผู้ปลูกลำไยต้องหมั่นดูแล เอาใจใส่สวนลำไยอย่างสม่ำเสมอ  และต้องศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง  และฝากถึงรัฐบาลให้ช่วยหาช่องทางการกระจายผลผลิตสู่ตลาดใหม่ ๆ  นอกจากประเทศจีน
                สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ อาจารย์พิชัย  สมบูรณ์วงศ์  ฝ่ายส่งเสริมการเกษตร  สำนักวิจัยและส่งเสริมวิชาการการเกษตร  มหาวิทยาลัยแม่โจ้  โทร. 053-873938-9 

บทความจาก : ฝ่ายส่งเสริมการเกษตร  สำนักวิจัยและส่งเสริมวิชาการการเกษตร  มหาวิทยาลัยแม่โจ้