อาชีพเลี้ยงไก่ไข่
เป็นอาชีพที่ได้รับความนิยม
เพราะนอกจากจะได้ไข่ไว้บริโภคภายในครัวเรือนแล้ว
ยังสามารถจำหน่ายเพื่อสร้างรายได้ให้เกษตรกร อีกทั้งการลงทุนก็ไม่มาก
เลี้ยงง่าย ใช้เนื้อที่น้อย
บริษัทหรือฟาร์มเอกชนจำนวนมาก ผลิตไข่ไก่พันธุ์ลูกผสมเพื่อจำหน่ายแก่ผู้เลี้ยง ไก่พันธุ์ที่คัดเลือกเป็นไก่พันธุ์ไข่ดก ไข่ฟองโต ไข่ทน และไข่นาน มีผลผลิตไข่อยู่ในเกณฑ์สูงสามารถเลี้ยงได้ตั้งแต่อายุเริ่มได้ 1 วัน หรือจะเลี้ยงไก่รุ่น 2 เดือนก็ได้
ปัญหาของเกษตรกรที่เลี้ยงไก่ไข่บางครั้งเพราะได้ผลผลิตน้อยไม่คุ้มค่า ทั้งนี้เนื่องมาจากไก่มีการเจ็บป่วย ไก่ตาย โดยที่ยังไม่มีการระบาดของโรค แต่เกิดจากไก่มีอาการแพ้กลิ่นเหม็นแพ้แอมโมเนียจากมูลไก่เอง ปัญหาของมูลไก่โดยทั่วไป คือ เกิดกลิ่นเหม็นออกมารบกวนสุขภาพของไก่และคน และมูลไก่ยังเป็นแหล่งเพาะพันธุ์แมลงวัน ทำให้เกษตรกรต้องเพิ่มต้นทุนค่าใช้จ่ายในการแก้ปัญหา เช่น ค่ายาในการรักษาไก่ ซึ่งค่าวัคซีน ค่าอาหาร ค่าพันธุ์ไก่ ฯลฯ ก็เป็นต้นทุนที่สูงอยู่แล้ว
แนวทางการแก้ไข คือ ต้องทำให้ผลผลิตสูงขึ้น เกิดการสูญเสียแก่ไก่ไข่น้อยที่สุด และลดค่าใช้จ่ายต่างๆ เพื่อลดต้นทุนการผลิต ต้นทุนด้านค่าอาหารยังเป็นปัจจัยที่สำคัญ แต่เรื่องค่าใช้จ่ายในการรักษาโรค ในกรณีที่ไม่ได้เกิดจากโรคระบาด การใช้แนวทางการป้องกัน การจัดการระบบสุขาภิบาลของโรงเรือน
การเลี้ยงไก่ไข่สามารถทำการเลี้ยงได้ 2 วิธี
การเลี้ยงแบบขังรวม เป็นการเลี้ยงไก่แบบเลี้ยงรวมกันในโรงเรือนขนาดใหญ่ และรองพื้นด้วยวัสดุรองพื้น วิธีนี้เป็นที่สนใจจากผู้เลี้ยงในปัจจุบันอย่างมาก โรงเรือน และอุปกรณ์ในการเลี้ยงไก่ไข่ ต้องแข็งแรง กันแดด กันฝน กันลมได้ และมีอากาศถ่ายเทได้สะดวก ดูแลวัสดุรองพื้นอย่าให้แฉะหรือแข็งเป็นแผ่น หรือมีกลิ่นเหม็นของแก๊สแอมโมเนีย ต้องคุ้ยและพลิกกลับอย่างสม่ำเสมอ
การเลี้ยงแบบกรงตับ เป็นกรงใส่ไก่ไข่ที่มีทั้งแบบชั้นเดียว และหลายชั้นซ้อนกันเป็นที่นิยมมาก ชั้นเดียว 2 ด้าน ด้านละ 6 ช่อง ชุดหนึ่งเลี้ยงได้ 12 ตัว ติดตั้งอุปกรณ์ให้น้ำให้อาหารแบบกะทัดรัด ส่วนใหญ่จะเป็นไก่สาว เป็นวิธีที่ผู้เลี้ยงไก่เป็นอาชีพหรือเพื่อการค้านิยมกันมาก เนื่องจากไม่ต้องเสียเวลาเลี้ยงดูไก่เล็กหรือไก่รุ่น นอกจากนี้โรงเรือนก็สร้างไว้เฉพาะกับไก่ไข่เท่านั้น แต่การเลี้ยงไก่วิธีนี้ต้องลงทุนสูง ผู้เลี้ยงจะต้องรู้จักฟาร์มที่ผลิตไก่สาวเป็นอย่างดี ต้องสอบถามถึงประวัติของฝูงไก่สาวที่นำมาเลี้ยงเสมอ เพราะช่วงที่ไก่ยังเป็นลูกไก่และไก่รุ่นผู้เลี้ยงไม่สามารถรู้ประวัติของฝูง ไก่สาวที่จะนำมาเลี้ยงได้
เทคนิคการป้องกันและแก้ไข
การจัดการน้ำไก่ไข่
1.ไก่ไข่ที่อายุ 3 เดือนขึ้นไป ต้องการน้ำประมาณ 15-20 ลิตร/100 ตัว/วัน หากขาดน้ำในช่วงให้กำลังไข่ เพียง 3-4 ชั่วโมง จะทำให้ไข่ฟองเล็ก น้ำที่ใช้ควรเป็นน้ำสะอาด ไม่มีเชื้อโรคปนเปื้อนโดยใช้ ไคโตซาน มิกซ์ฟีด ละลายน้ำในรางหรือถังให้ไก่กิน โดยใช้อัตรา 10 ซีซี.น้ำ 20 ลิตร ป้องกันเชื้อโรคที่ปนเปื้อนมากับน้ำ กระตุ้นการกินอาหาร
การจัดการอาหารไก่ไข่
1. อาหารไก่ไข่ ในช่วงเริ่มให้ไข่ เปอร์เซ็นต์โปรตีน ประมาณ 15-16 % ซึ่งมีทั้งอาหารป่น อาหารอัดเม็ด หัวอาหารสำหรับผสมเอง ความต้องการอาหารของไก่ อายุ 3 เดือนขึ้นไป ประมาณ 10 กิโลกรัม/100 ตัว/วัน ปัญหาที่เกิดจากอาหารบางครั้งคือ การปนเปื้อนเชื้อราในอาหาร ที่เรียกว่า สารอะฟลาท๊อกซิน นอกจากนั้นในวัตถุดิบอาหารสัตว์บางครั้งอาจมีสารพิษตกค้างจากสารเคมีที่ใช้ เช่น ยาฆ่าแมลง ยากำจัดวัชพืช ซึ่งปะปนในอาหารสัตว์ เมื่อสัตว์กินเข้าไป จะทำให้ตับถูกทำลาย หรือเป็นมะเร็งที่ตับได้ แต่ในไก่สามารถสังเกตได้ว่าไก่จะถ่ายเหลว หรือท้องเสีย วิธีป้องกันแก้ไขโดย ใช้สเม็คไทต์ผง ผสมร่วมกับอาหารไก่ เพียง 3 % ของอาหารสามารถจับตรึงสารพิษที่ปนเปื้อนกับอาหารได้ ช่วยจับตรึงแอมโมเนียและกลิ่นเหม็นตั้งแต่ในระบบลำไส้ เมื่อไก่ถ่ายออกมากลิ่นเหม็นจะน้อยลง
การจัดการด้านสุขาภิบาล
1. การกำจัดกลิ่นเหม็นจากมูลสัตว์ตามพื้นคอก ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญที่ทำให้ไก่มีอาการหายใจลำบาก หน้าบวม ร้อนแดง ตาอักเสบ น้ำมูก น้ำตาไหลและมีอาการคัน เกาจนเป็นแผลทำให้เกิดการติดเชื้อและตายในที่สุด หากเป็นไก่ไข่แบบเลี้ยงรวมบนพื้น สามารถใช้สเม็คไทต์ ผง หว่านลงบนวัสดุรองพื้น โดยในระยะไก่โตอาจหว่านโรย ทุก 5-7 วัน ช่วงเช้า-เย็น ไก่ไข่แบบกรงตับให้ใช้สเม็คไทต์ผง หว่าน โรยบางๆ ทับลงบนมูลไก่ที่พื้นคอก กลิ่นเหม็นจะถูกดูดซับ จากนั้นประมาณ 5-10 นาทีกลิ่นเหม็นจะหายไป
2. การหว่านโรยสเม็คไทต์ผง บนมูลไก่บนลานตากแห้ง หรือหว่านโรยบางๆ ในเล้าไก่ ช่วยลดปัญหาไรไก่ พยาธิ รวมทั้งแมลงวันให้น้อยลง เนื่องจากสเม็คไทต์ เป็นสารจากการระเบิดตัวของหินภูเขาไฟ ซึ่งสามารถรบกวนผิวไรไก่และพยาธิ ทำให้ไรไก่และพยาธิไม่สามารถระบาดได้และลดลง จนหมดไป
** หมายเหตุ หากนำมูลไก่ที่หว่านโรยด้วยสเม็คไทต์ไปใช้เป็นปุ๋ยอินทรีย์ จะเป็นปุ๋ยละลายช้าที่มีซิลิก้า ช่วยให้พืช แข็งแกร่ง ต้านทาน โรค แมลงได้ดีขึ้น
เขียนและรายงานโดย พิพัฒนะ เครือชาลี (นักวิชาการ)
บริษัทหรือฟาร์มเอกชนจำนวนมาก ผลิตไข่ไก่พันธุ์ลูกผสมเพื่อจำหน่ายแก่ผู้เลี้ยง ไก่พันธุ์ที่คัดเลือกเป็นไก่พันธุ์ไข่ดก ไข่ฟองโต ไข่ทน และไข่นาน มีผลผลิตไข่อยู่ในเกณฑ์สูงสามารถเลี้ยงได้ตั้งแต่อายุเริ่มได้ 1 วัน หรือจะเลี้ยงไก่รุ่น 2 เดือนก็ได้
ปัญหาของเกษตรกรที่เลี้ยงไก่ไข่บางครั้งเพราะได้ผลผลิตน้อยไม่คุ้มค่า ทั้งนี้เนื่องมาจากไก่มีการเจ็บป่วย ไก่ตาย โดยที่ยังไม่มีการระบาดของโรค แต่เกิดจากไก่มีอาการแพ้กลิ่นเหม็นแพ้แอมโมเนียจากมูลไก่เอง ปัญหาของมูลไก่โดยทั่วไป คือ เกิดกลิ่นเหม็นออกมารบกวนสุขภาพของไก่และคน และมูลไก่ยังเป็นแหล่งเพาะพันธุ์แมลงวัน ทำให้เกษตรกรต้องเพิ่มต้นทุนค่าใช้จ่ายในการแก้ปัญหา เช่น ค่ายาในการรักษาไก่ ซึ่งค่าวัคซีน ค่าอาหาร ค่าพันธุ์ไก่ ฯลฯ ก็เป็นต้นทุนที่สูงอยู่แล้ว
แนวทางการแก้ไข คือ ต้องทำให้ผลผลิตสูงขึ้น เกิดการสูญเสียแก่ไก่ไข่น้อยที่สุด และลดค่าใช้จ่ายต่างๆ เพื่อลดต้นทุนการผลิต ต้นทุนด้านค่าอาหารยังเป็นปัจจัยที่สำคัญ แต่เรื่องค่าใช้จ่ายในการรักษาโรค ในกรณีที่ไม่ได้เกิดจากโรคระบาด การใช้แนวทางการป้องกัน การจัดการระบบสุขาภิบาลของโรงเรือน
การเลี้ยงไก่ไข่สามารถทำการเลี้ยงได้ 2 วิธี
การเลี้ยงแบบขังรวม เป็นการเลี้ยงไก่แบบเลี้ยงรวมกันในโรงเรือนขนาดใหญ่ และรองพื้นด้วยวัสดุรองพื้น วิธีนี้เป็นที่สนใจจากผู้เลี้ยงในปัจจุบันอย่างมาก โรงเรือน และอุปกรณ์ในการเลี้ยงไก่ไข่ ต้องแข็งแรง กันแดด กันฝน กันลมได้ และมีอากาศถ่ายเทได้สะดวก ดูแลวัสดุรองพื้นอย่าให้แฉะหรือแข็งเป็นแผ่น หรือมีกลิ่นเหม็นของแก๊สแอมโมเนีย ต้องคุ้ยและพลิกกลับอย่างสม่ำเสมอ
การเลี้ยงแบบกรงตับ เป็นกรงใส่ไก่ไข่ที่มีทั้งแบบชั้นเดียว และหลายชั้นซ้อนกันเป็นที่นิยมมาก ชั้นเดียว 2 ด้าน ด้านละ 6 ช่อง ชุดหนึ่งเลี้ยงได้ 12 ตัว ติดตั้งอุปกรณ์ให้น้ำให้อาหารแบบกะทัดรัด ส่วนใหญ่จะเป็นไก่สาว เป็นวิธีที่ผู้เลี้ยงไก่เป็นอาชีพหรือเพื่อการค้านิยมกันมาก เนื่องจากไม่ต้องเสียเวลาเลี้ยงดูไก่เล็กหรือไก่รุ่น นอกจากนี้โรงเรือนก็สร้างไว้เฉพาะกับไก่ไข่เท่านั้น แต่การเลี้ยงไก่วิธีนี้ต้องลงทุนสูง ผู้เลี้ยงจะต้องรู้จักฟาร์มที่ผลิตไก่สาวเป็นอย่างดี ต้องสอบถามถึงประวัติของฝูงไก่สาวที่นำมาเลี้ยงเสมอ เพราะช่วงที่ไก่ยังเป็นลูกไก่และไก่รุ่นผู้เลี้ยงไม่สามารถรู้ประวัติของฝูง ไก่สาวที่จะนำมาเลี้ยงได้
เทคนิคการป้องกันและแก้ไข
การจัดการน้ำไก่ไข่
1.ไก่ไข่ที่อายุ 3 เดือนขึ้นไป ต้องการน้ำประมาณ 15-20 ลิตร/100 ตัว/วัน หากขาดน้ำในช่วงให้กำลังไข่ เพียง 3-4 ชั่วโมง จะทำให้ไข่ฟองเล็ก น้ำที่ใช้ควรเป็นน้ำสะอาด ไม่มีเชื้อโรคปนเปื้อนโดยใช้ ไคโตซาน มิกซ์ฟีด ละลายน้ำในรางหรือถังให้ไก่กิน โดยใช้อัตรา 10 ซีซี.น้ำ 20 ลิตร ป้องกันเชื้อโรคที่ปนเปื้อนมากับน้ำ กระตุ้นการกินอาหาร
การจัดการอาหารไก่ไข่
1. อาหารไก่ไข่ ในช่วงเริ่มให้ไข่ เปอร์เซ็นต์โปรตีน ประมาณ 15-16 % ซึ่งมีทั้งอาหารป่น อาหารอัดเม็ด หัวอาหารสำหรับผสมเอง ความต้องการอาหารของไก่ อายุ 3 เดือนขึ้นไป ประมาณ 10 กิโลกรัม/100 ตัว/วัน ปัญหาที่เกิดจากอาหารบางครั้งคือ การปนเปื้อนเชื้อราในอาหาร ที่เรียกว่า สารอะฟลาท๊อกซิน นอกจากนั้นในวัตถุดิบอาหารสัตว์บางครั้งอาจมีสารพิษตกค้างจากสารเคมีที่ใช้ เช่น ยาฆ่าแมลง ยากำจัดวัชพืช ซึ่งปะปนในอาหารสัตว์ เมื่อสัตว์กินเข้าไป จะทำให้ตับถูกทำลาย หรือเป็นมะเร็งที่ตับได้ แต่ในไก่สามารถสังเกตได้ว่าไก่จะถ่ายเหลว หรือท้องเสีย วิธีป้องกันแก้ไขโดย ใช้สเม็คไทต์ผง ผสมร่วมกับอาหารไก่ เพียง 3 % ของอาหารสามารถจับตรึงสารพิษที่ปนเปื้อนกับอาหารได้ ช่วยจับตรึงแอมโมเนียและกลิ่นเหม็นตั้งแต่ในระบบลำไส้ เมื่อไก่ถ่ายออกมากลิ่นเหม็นจะน้อยลง
การจัดการด้านสุขาภิบาล
1. การกำจัดกลิ่นเหม็นจากมูลสัตว์ตามพื้นคอก ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญที่ทำให้ไก่มีอาการหายใจลำบาก หน้าบวม ร้อนแดง ตาอักเสบ น้ำมูก น้ำตาไหลและมีอาการคัน เกาจนเป็นแผลทำให้เกิดการติดเชื้อและตายในที่สุด หากเป็นไก่ไข่แบบเลี้ยงรวมบนพื้น สามารถใช้สเม็คไทต์ ผง หว่านลงบนวัสดุรองพื้น โดยในระยะไก่โตอาจหว่านโรย ทุก 5-7 วัน ช่วงเช้า-เย็น ไก่ไข่แบบกรงตับให้ใช้สเม็คไทต์ผง หว่าน โรยบางๆ ทับลงบนมูลไก่ที่พื้นคอก กลิ่นเหม็นจะถูกดูดซับ จากนั้นประมาณ 5-10 นาทีกลิ่นเหม็นจะหายไป
2. การหว่านโรยสเม็คไทต์ผง บนมูลไก่บนลานตากแห้ง หรือหว่านโรยบางๆ ในเล้าไก่ ช่วยลดปัญหาไรไก่ พยาธิ รวมทั้งแมลงวันให้น้อยลง เนื่องจากสเม็คไทต์ เป็นสารจากการระเบิดตัวของหินภูเขาไฟ ซึ่งสามารถรบกวนผิวไรไก่และพยาธิ ทำให้ไรไก่และพยาธิไม่สามารถระบาดได้และลดลง จนหมดไป
** หมายเหตุ หากนำมูลไก่ที่หว่านโรยด้วยสเม็คไทต์ไปใช้เป็นปุ๋ยอินทรีย์ จะเป็นปุ๋ยละลายช้าที่มีซิลิก้า ช่วยให้พืช แข็งแกร่ง ต้านทาน โรค แมลงได้ดีขึ้น
เขียนและรายงานโดย พิพัฒนะ เครือชาลี (นักวิชาการ)