กาแฟเป็นพืชที่มีถิ่นกำเนิดมาจากอาระเบียหรือประเทศเอธิโอเปียในปัจจุบัน
กาแฟที่ปลูกเป็นการค้าในประเทศไทยมี 2 ชนิด ได้แก่ กาแฟโรบัสต้า
ซึ่งมีการผลิตประมาณ 50 ล้านตัน
เพาะปลูกมากในแถบจังหวัดชุมพรและภาคใต้ของประเทศไทย
อีกชนิดหนึ่งคือกาแฟอาราบิก้าซึ่งปลูกมากในภาคเหนือที่เป็นภูเขาสูงและอากาศ
หนาวเย็น
กาแฟโรบัสต้านั้นนิยมนำไปทำกาแฟผงสำเร็จรูปชนิดชงละลายหมด
ในขณะที่กาแฟอาราบิก้านิยมนำมาคั่ว บด
และชงโดยการกรองกากออกหรือที่ปัจจุบันนิยมเรียกว่า "กาแฟสด"
การเพาะกล้า
ขั้นตอนที่ 1 เตรียมต้นกล้า
1. เตรียมแปลงเพาะเมล็ดกาแฟโดยใช้
ทรายผสมขี้เถ้าแกลบ อัตราส่วน 1:1
เกลี่ยในกระบะหรือแปลงที่สามารถระบายน้ำได้ดี
แปลงเพาะเมล็ดนี้ควรอยู่ในโรงเรือนที่มีหลังคาบังแดด ให้แสงเข้าได้ 50%
และปราศจากสัตว์เลี้ยงเข้าไปขุดคุ้ย รบกวน
2.
นำเมล็ดพันธุ์กาแฟแช่น้ำผสมยาฆ่าเชื้อรา เช่น สารประกอบทองแดง เป็นเวลา 1
คืน มาเพาะลงในแปลงที่เตรียมไว้ โดยใช้ไม้ กดเป็นร่องห่างกันประมาณ 5 ซม.
แล้วโรย เมล็ดลงไป
* หมายเหตุ เมล็ดพันธุ์กาแฟที่ใช้ควรเป็นเมล็ดพันธุ์ที่ดี
มาจากต้นแม่ที่ได้รับการรับรอง จากหน่วยงานที่เชื่อถือได้ มีอัตราการงอกสูง
(เมล็ดไม่ควรเก็บไว้นานเกิน 6 เดือน)
3. รดน้ำสม่ำเสอมจนเมล็ดงอกขึ้นมา
ระยะเวลาจากเมล็ด งอกขึ้นมาเป็นระยะหัวไม้ขีด ใช้เวลา ประมาณ 30-45 วัน
และระยะใบเลี้ยงหรือระยะ ปีกผีเสื้อ ใช้เวลา 46-60 วัน
ให้ทำการถอนไปปลูกต่อในถุงพลาสติกที่เตรียมไว้
ขั้นตอนที่ 2 เตรียมถุงพลาสติกใส่ดิน
1. ส่วนผสมของดินที่จะนำมาบรรจุถุงมีดังนี้
- หน้าดินดำ 5 ปีบ
- ปุ๋ยคอก 1 ปีบ
- ปูนขาว (โดโลไมท์) 200 กรัม
- หินฟอสเฟต (0-3-0) 200 กรัม
- ฟูราดาน 25 กรัม
* หมายเหตุ ถ้าไม่มีหน้าดินดำใช้ดินร่วน ทรายหยาบ และขี้เถ้าแกลบ ชนิดละละ 1 ส่วน
2. นำส่วนผสมกองเป็นชั้นๆ ไล่จากส่วนผสมที่มีปริมาณมากสุด
ไปหาน้อยสุด (ดิน > ปุ๋ยคอก > ปูนขาว > หินฟอสเฟต > ฟูราดาน
ตามลำดับ)
3. ผสมคลุกเคล้าให้เข้ากัน
4. เตรียมถุงพลาสติกสีดำสำหรับเพาะกล้า
ขนาดถุงกว้าง 7 นิ้ว สูง 10 นิ้ว (ถุงไม่พับ) หรือกว้าง 4 นิ้ว สูง 10 นิ้ว
(ถุงพับที่ก้น) เจาะรูระบายน้ำ 3 แถว แถวแรกห่างจากก้นถุงประมาณ 2-3
นิ้ว
5. นำดินผสมไปบรรจุถุงให้แน่นและเต็มถึงปากถุง
เท่าจำนวนกล้าที่เพาะเมล็ดไว้ นำไปเรียงไว้ในเรือนเพาะชำ
แล้วถอนต้นกล้าที่งอกจากเมล็ดที่เพาะไว้ในระยะ หัวไม้ขีด
ถึงปีกผีเสื้อลงปลูกในถุงพลาสติก
* หมายเหตุ ถ้าต้นกล้าแก่เกินไปจนเกิดใบจริง จะทำมห้รากยาวเกินไป เกิดปัญหารากคดงอระหว่างย้าย และอัตราการรอดชีวิตต่ำ
6. ให้น้ำสม่ำเสมอเช้า-เย็น จนต้นกล้าเติบโต
ใช้ระยะเวลาทั้งสิ้นประมาณ 8-12 เดือน ต้นกล้าที่ดีต้องมีลักษณะต้นตรง
แข็งแรง ทุกข้อมีใบอยู่ครบ ไม่มีโรคและแมลงเข้าทำลาย มี ความสูงประมาณ 45
ซม. มีจำนวนข้อประมาณ 6-8 ข้อ (มีใบ 6-8 คู่)
7. ต้นกล้าที่พร้อมจะนำไปปลูกต้องผ่านการ
ฝึกให้ได้รับแสงแดดมากขึ้นประมาณ 1 เดือน ก่อนปลูก เพื่อให้แข็งแรง
และรอดตายสูงเมื่อนำไปปลูกในแปลง
การปลูก
ขั้นตอนที่ 1 การเตรียมพื้นที่
1. พื้นที่ที่เหมาะสมสำหรับปลูกกาแฟควรเป็นที่ๆมีความสูง ประมาณ
800-12,000 เมตรจากระดับน้ำทะเล ความลาดชันไม่เกิน 50%
ทำการกำจัดวัชพืชโดยการถางให้โล่ง เตรียมทำแนวระดับ
การเตรียมพื้นที่ส่วนมากเริ่มทำ ในช่วงฤดูแล้ง เพื่อให้พร้อมสำหรับปลูกกาแฟ
ในฤดูฝน ที่จะมาถึง (ประมาณมิถุนายน-กรกฎาคม)
2. ทำแนวระดับโดยใช้อุปการณ์ช่วย เช่น
ไม้รูปตัวเอ เขาควาย หรือระดับน้ำ ทำแนวปลูกกาแฟ โดยมีระยะระหว่างต้น 2
เมตร ระยะห่างระหว่างแถวขึ้นอยู่กับความลาดชัน โดยเฉลี่ยประมาณ 1.5-2 เมตร
3. ขุดหลุมปลูกกาแฟขนาด 0.5 x 0.5x 0.5
เมตร (หรือ 1 X 1 X 1 ศอก) แยกหน้าดินกับดินก้นหลุม ออกจากกัน
หน้าดินจะใช้ผสมใส่ลงที่ก้นหลุม
4. การผสมดินใส่ก้นหลุมจะประกอบด้วย หน้าดิน ปุ๋ยคอก ปูนขาว (โดโลไมท์) ปุ๋ยฟอสเฟต และฟูราดาน ผสมให้เข้ากัน ใส่ก้นหลุมไว้
5. กลบด้วยกินก้นหลุมให้เสมอปาก ใช้ไม้ปักทำเครื่องหมายหลุมไว้
ขั้นตอนที่ 2 การปลูก
1. นำต้นกล้าที่มีขนาดเหมาะสมความสูงประมาณ 45-50 ซม. มีใบ 6-8
คู่ สมบูรณ์แข็งแรง ผ่านการฝึกให้ทนทานต่อแสงแดดจัดและการขาดน้ำ
ในเบื้องต้นแล้ว
2. นำต้นกล้าลงปลูกในหลุมที่เตรียมไว้ กลบดินให้แน่น
3. ใช้ไม้ปักกันลมโยกคลอน
|
|
|
การดูแลรักษาต้นกาแฟ
การกำจัดวัชพืช
กาแฟควรได้รับการกำจัด
วัชพืชสม่ำเสมอในฤดูฝน โดยเฉพาะหลังปลูกใหม่อายุ 1-3 ปี
เพราะต้นยังเล็กไม่สามารถเจริญ เติบโตแข่งกับวัชพืชได้ โดยการถางรอบๆ
บริเวณสวนกาแฟ และถางให้สะอาดบริเวณโคนต้นเพื่อการใส่ปุ๋ยต่อไป
เศษวัชพืชที่ถางออก สามารถนำมาเป็นวัสดุคลุมดินได้
การใส่ปุ๋ย
ในระยะที่กาแฟยังไม่ติด
ผล ควรใส่ปุ๋ย 46-0-0 เมื่อกาแฟเริ่มติดผลแล้ว (ปีที่ 4 เป็นต้นไป)
ต้องใช้ปุ๋ย 15-15-15 ใช้หลักการคร่าวๆคือ ใส่ 3 ครั้ง
ในเวลาต้น-กลาง-ปลายฤดูฝน ครั้งหนึ่งๆใส่ 30-150 กรัม (1-5 กำมือ)
ขึ้นอยู่กับ ปริมาณการติดผล และขนาดการเติบโตของลำต้น
การคลุมโคน
ทุกครั้งหลังใส่ปุ๋ยต้องมีการคลุมโคนต้นเพื่อไม่ให้ปุ๋ย
ถูกชะล้าง หรือระเหยสูญหายไป นอกจากนั้นเมื่อสิ้นสุดฤดูฝน ควรคลุมโคน
ให้หนาประมาณ 30 ซม. เพื่อรักษาความชื้นในดิน ทำให้กาแฟรอดตาย
พ้นฤดูร้อนได้
การตัดแต่งกิ่ง
การตัดแต่งกิ่งช่วยให้กาแฟสามารถเจริญเติบโต
ได้ทรงพุ่มที่สวยงามแข็งแรง ผลผลิตสูงสม่ำเสมอ
หลักการกว้างๆของการตัดแต่งกิ่งคือ พยายามอย่าให้ กาแฟมีลำต้นหลักเกิน 3
ลำต้น (1-3 ลำต้นจะดีที่สุด) กำจัดกิ่งแขนงที่เกิดมากเกิน หรือแห้งตาย
หรือไม่ติดผลแล้ว ออกจากลำต้นหลัก
และกระตุ้นให้เกิดหน่อใหม่ที่โคนต้นเมื่อต้องการ จะเปลี่ยนลำต้นหลักใหม่
หลังจาก 8-10 ปีผ่านไป
การตัดแต่งกิ่งสำหรับระยะ 3-5 ปีแรก
- การตัดแต่งกิ่งแบบ 2 ลำต้น
ต้นกาแฟที่มีลำต้นเดียว ถ้าต้องการให้มีสองลำต้น
ให้ตัดยอดสูงจากพื้นดินประมาณ 45 ซม. เมื่อมีหน่อใหม่เกิดขึ้น ที่ปลายยอด
ให้ตัดทิ้งเหลือไว้ 2 กิ่ง ริดกิ่งแขนงที่อยู่ ชิดลำต้นออกให้หมด
รวมทั้งกิ่งแขนงที่อยู่ต่ำกว่า 30 ซม.จากพื้นดิน เพื่อไม่ให้เป็นมด
และแมลงใช้เป็นทางขึ้นต้นกาแฟ
การตัดแต่งกิ่งสำหรับต้นกาแฟอายุตั้งแต่ 8 ปีเป็นต้นไป
หลังจากกาแฟอายุ 8-10 ปี มีจำนวนข้อที่ติดผล น้อยลง
สภาพต้นทรุดโทรม และผลผลิตต่ำ ต้องมีการตัดแต่งกิ่ง เพื่อให้เกิดยอดใหม่
- การตัดแต่งกิ่งแบบเปิดด้านข้าง
การตัดแบบเปิดข้างจะตัดกิ่งแขนงที่อยู่ด้านตะวันออก ทิ้งทั้งหมด
(แสงเป็นตัวกระตุ้น ให้หน่อเจริญออกมา) เมื่อหน่อใหม่เกิดขึ้น อายุประมาณ 6
เดือน จึงตัดลำต้นเก่าออก คัดเลือกหน่อที่แข็งแรงไว้เพียง 1-2 อัน
เพื่อเลี้ยงให้เป็นลำต้นหลักต่อไป
- การตัดจนเหลือแต่ตอ
จุดประสงค์เช่นเดียวกับการตัดแต่งกิ่งแบบเปิดข้าง
การตัดออกทั้งหมดจะทำให้เกิดหน่อใหม่ จำนวนมากแตกออกมา คัดเลือกไว้ไม่เกิน 3
หน่อ ปล่อยให้เจริญ เติบโตเป็นลำต้นหลักต่อไป
ข้อมูลจาก http://web.agri.cmu.ac.th
|
|
กาแฟอราบิก้าเหมาะที่จะปลูกบนพื้นที่สูง ทางภาคเหนือ
ส่วนสายพันธุ์โรบัสต้า ปลูกบนที่ราบ ทางภาคใต้
ที่มา http://guru.sanook.com