วันเสาร์ที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2555

การบังคับชมพู่ทับทิมจันทร์ออกนอกฤดูกับรายได้ที่ไม่ธรรมดา

คุณอนันต์  คล่องแคล่ว  เป็นเกษตรกรท่านหนึ่ง ที่มีประสบการณ์ในการทำสวนชมพู่มานาน ชมพู่จากสวนของคุณอนันต์ขึ้นชื่อในเรื่องของความหวานกรอบ ที่สำคัญ ยังได้รับใบรับรองมาตรฐานสินค้าเกษตรหรือ GAP ด้วย   คุณอนันต์ ได้บอกเล่าถึงประวัติชมพู่พันธุ์ทับทิมจันทร์ พอสังเขปพอประดับความรู้ ชมพู่พันธุ์ทับทิมจันทร์  หรือที่ชาวสวนในพื้นที่จังหวัดสิงห์บุรี เรียกกันจนติดปากว่าชมพู่พันธุ์ ทองสามสี นั้น เป็นชมพู่ที่มีถิ่นกำเนิดมาจากประเทศอินโดนีเซีย  นำเข้ามาในเทศไทยตั้งแต่ปี พ.ศ.2538 เป็นต้นมาเดิมชมพู่พันธุ์นี้มี ชื่อว่าชีตาโดยเกษตรกร ได้นำมาขยายพันธุ์และมีการตั้งชื่อหลายกันไปมากมายหลายชื่อ ทำให้สับสนในชื่อของชมพู่พันธุ์นี้บ่อยครั้ง ชมพู่พันธุ์ทับทิมจันทร์มีลักษณะทรงผลคล้ายกับชมพู่พันธุ์เพชรน้ำผึ้ง ต่างกันก็คือที่ก้นผลของชมพู่พันธุ์ทับทิมจันทร์ จะใหญ่กว่าเส้นเอ็นที่ผลจะมีลักษณะเด่นชัดกว่า มีผิวมันเป็นประกาย รสชาติหวาน กรอบ อร่อย  เนื้อแน่นไม่มีเมล็ด เป็นที่นิยมของผู้บริโภค แต่มีข้อจำกัดคือ ไม่สามารถให้ผลผลิตได้ตลอดทั้งปี และมีผลไม่ค่อยดกเหมือนกับชมพู่พันธุ์อื่นๆ และนี่ก็คือปัญหาของเกษตรกรชาวสวนในปัจจุบันที่ไม่สามารถทำกันได้
 
ในส่วนของจังหวัดสิงห์บุรีนั้น  นายพระนาย  สุวรรณรัตน์  อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดสิงห์บุรี ได้ส่งเสริมให้เกษตรกรชาวสวนปลูกชมพู่พันธุ์ทับทิมจันทร์ ตั้งแต่ปี พ.ศ.2538 เป็นต้นมา โดยมอบหมายให้สำนักงานเกษตรจังหวัดสิงห์บุรี และหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สายต่อนโยบาย ให้เป็นโครงการสำคัญของจังหวัด ในช่วงนั้นมีพื้นที่ในการปลูกชมพู่มากกว่า 1,000 ไร่และหลังจากนั้นไม่กี่ปีที่ผ่านมาเกษตรกรชาวสวนสามารถเก็บผลผลิตเพื่อนำไป จำหน่ายและส่งออกสร้างรายได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น มาช่วง ระยะมีการปลูกชมพู่พันธุ์ทับทิมจันทร์กันอย่างแพร่หลาย  ทำให้สินค้าล้นตลาด ราคาตกต่ำ ทำให้เกษตรกรชาวสวนหลายรายเริ่มถอดใจ ทำลายต้นชมพู่ไปหลายสิบไร่ และนำไม้ผลชนิดอื่นมาปลูกแทน เช่นกระท้อน เพราะราคาดีกว่าชมพู่ จึงไม่แปลกที่ปัจจุบัน จะมีเกษตรกรชาวสวนหลายรายหันมาปลูกกระท้อนกันเป็นจำนวนมาก
   
 
         คุณอนันต์ เล่าให้ฟังว่า เริ่มแรก ได้มีการเตรียมพื้นที่ปลูกไม้ผลใช้เงินลงทุนไปเกือบเจ็ดหมื่นบาท โดยทำการขุดยกเป็นคันร่องปลูกจำนวน 9คันร่องกว้าง 5 เมตรขุดเป็นร่องน้ำกว้าง 3 เมตรหลังจากที่ได้เตรียมพื้นที่ปลูกแล้วคุณอนันต์ ได้ไปซื้อกิ่งพันธุ์ชมพู่ทองสามสีมาจากจังหวัดราชบุรี จำนวน 100 ต้น เป็นจำนวนเงิน 5,000 บาท ในส่วนของพื้นที่ 9 ร่องนั้น คุณอนันต์ได้มีการบริหารจัดการพื้นที่ทั้งหมด โดยการปลูกลำไย 1 แถว ปลูกกระท้อน 1 แถว ที่เหลือปลูกชมพู่อีก 7 แถวส่วนที่เป็นร่องน้ำเลี้ยงปลาและสามารถเก็บกักน้ำไว้ใช้ตลอดทั้งปีโดยคุณ อนันต์ได้เล่าถึงเทคนิคการเตรียมดินปลูกชมพู่พันธ์ทองสามสีหรือทับทิมจันทร์ ตามประสบการณ์ที่ได้สั่งสมมาว่า หลังจากที่ได้เตรียมดินเสร็จแล้วการเตรียมหลุมปลูกให้ขุดหลุมกว้างยาวลึก ด้านละประมาณ 1 ศอก ระยะห่างระหว่างต้น 4 เมตรที่หลุมปลูกให้นำปุ๋ยคอกแห้งผสมกับดินในอัตราส่วน 1:1 รองก้นหลุมหลังจากนั้นให้นำกิ่งพันธุ์ลงปลูก เกลี่ยดินกลบแล้วรดน้ำให้ชุ่มในช่วงระหว่างที่รอต้นชมพู่ออกผงเพื่อขายเป็น รายได้แล้วระหว่างนั้นคุณอนันต์ได้ปลูกพืชอายุสั้น เพื่อเป็นรายได้ในช่วงระหว่างการรอผลผลิตชมพู่อีกด้วย
       
 
ในส่วนของเทคนิคการดูแลต้นชมพู่หลังปลูกได้ระยะเวลา 1 เดือนคุณอนันต์เล่าให้ฟังว่าได้แบ่งใส่ปุ๋ยจำนวน 3 ครั้ง โดยใส่ปุ๋ยสูตร 16-16-16ในอัตรา 2 ขีดต่อ 1ต้น ต่อครั้ง ใส่รอบๆต้นแล้วหลังจากนั้นให้รดน้ำตามเพื่อให้ปุ๋ยละลายลงสู่ดินซึ่งจะช่วย ให้รากชมพู่ดึงปุ๋ยไปใช้ในการเจริญเติบโตได้ดียิ่งขึ้นส่วนการใส่ปุ๋ยในรอบ ที่2 ในช่วงเร่งตาดอก ให้เปลี่ยนไปใส่ปุ๋ยสูตร 8-24-24หรือ 14-14-14ในอัตรา 3 ขีดต่อต้น เพื่อให้การติดดอกติดผลดีขึ้นและจะใส่ปุ๋ยสูตรนี้ในอัตราเดียวกันอีกครั้ง คือครั้งที่ 3หลังจากที่มีการหลังจากห่อผลแล้ว การใส่ปุ๋ยแบบนี้จะช่วยให้ผิวของชมพู่สีแดงเป็นมันและมีรสชาติอร่อยหรืออีก เทคนิคหนึ่งก็คือการปล่อยให้ต้นชมพู่อดน้ำหรือให้น้ำน้อยลงบ้างก่อนเก็บผลจะ ทำให้ชมพู่มีสีแดงเป็นมัน สีสวยน่ารับประทานเช่นกัน
         
 
การรักษาความชุ่มชื่นบนผิวดิน จะปล่อยให้หญ้าขึ้นปกคลุมแปลงพอสมควรจะช่วยรักษาความชุ่มชื้นในดินเอาไว้ได้ ไม่ต้องรดน้ำหลายครั้งเป็นการทุ่นค่าใช้จ่ายในการเติมน้ำมันเพื่อใช้เครื่อง ยนต์สูบน้ำและประโยชน์อีกอย่างหนึ่ง จะเป็นที่อยู่อาศัยของแมลงศัตรูธรรมชาติที่จะช่วยทำลายโรคและแมลงศัตรูของ ชมพู่ทำให้ลดต้นทุนการผลิตของชมพู่ได้และในช่วงของการออกผล เมื่อดอกบานไปแล้ว 15-20วันชมพู่จะติดผลมีขนาดเท่าหัวแม่มือหรือใหญ่กว่านั้นถ้าหากในช่อมีลูก ชมพู่ติดเป็นจำนวนมากให้ปลิดทิ้งเหลือลูกที่ต้องการเท่านั้นแล้วใช้พลาสติก สีขาวขุ่นห่อแล้วมันปากถุงให้แน่น จนกว่าจะเก็บผลผลิตผลของชมพู่จะมีขนาดใหญ่ขายได้ราคาดี
      หลังจากที่ได้สนทนากันพอสมควร คุณอนันต์ จึงพาเราเดินทางไปที่บ้านของคุณอนันต์ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสวนของคุณอนันต์มากนัก  คุณอนันต์ได้นำรางวัลต่างๆหาให้พวกเราได้ชมกัน ระหว่างที่นั่งชมรางวัลต่างๆกันไป เราได้มองเห็นใบหน้าของคุณอนันต์ที่ยิ้มออกมาด้วยความภาคภูมิใจ พร้อมกับเอ่ยปากว่า นี่แหละคือความสำเร็จ จากการที่ได้ทุ่มเททำสวนชมพู่มานานนับ 10 ปี  วันนี้ที่รอคอยแห่งความสำเร็จ ส่งลูกเรียนจนจบปริญญา มีครอบครัวที่อบอุ่นถือว่าเป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิใจที่สุดในชีวิตครับ คุณอนันต์ กล่าว
 
สำหรับท่านใดที่สนใจ ต้องการจะเข้าไปชมสวนชมพู่พันธุ์ทับทิมจันทร์โดยปัจจุบันได้เปิดให้เป็น แหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร หรือสั่งซื้อซื้อผลผลิตของชมพู่สามารถติดต่อโดยตรงได้ที่คุณอนันต์คล่อง แคล่ว โทร.081-7742050ได้ทุกวันหรือท่านสามารถเข้าไปเที่ยวชมสวนได้ที่ สวนของคุณอนันต์ คล่องแคล่ว ต.ถอนสมออ.ท่าช้าง จ.สิงห์บุรี โดยสวนชมพู่ของคุณอนันต์นี้ห่างจากตัวเมืองสิงห์บุรีเพียง12กิโลเมตรเท่า นั้นเองครับ