วันอังคารที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ปลูกข้าวโพดหวาน...หลังบ้าน


ข้าวโพดหวาน...นอกจากจะปลูกเพื่อการ ค้าแล้ว ยังสามารถปลูกไว้รับประทาน เองในสวนหลังบ้านได้อีกด้วย โดย คุณเครือวัลย์ บุญเนิน แห่งกรมวิชาการเกษตร ได้เขียนวิธีการปลูกข้าวโพดหวานไว้ที่สวนหลังบ้านได้อย่างน่าสนใจ สมควรที่จะนำมาถ่ายทอดให้ผู้สนใจได้นำมาปลูกไว้เพื่อรับประทานเอง

คุณ เครือวัลย์ บอกว่า การปลูกไม่ต้องใช้พื้นที่มากนัก เริ่มต้นที่ 1 ตารางเมตรขึ้นไปก็ใช้ได้แล้ว แต่ต้องไม่มีน้ำท่วมขังและต้องมีแสงแดดส่องอย่าง น้อย 8 ชั่วโมง/วัน สำหรับพันธุ์นั้นเลือกได้ตามใจชอบหน่วยงานราชการก็มีพันธุ์จำหน่ายเหมือนกัน นะ เช่นที่ ศูนย์วิจัยพืชไร่ชัยนาท เป็นต้น โดยที่ข้าวโพดหวานนี้สามารถปลูกได้ตลอดทั้งปี แต่ช่วงที่ให้ผลผลิตสูงและคุณภาพดีควรอยู่ในฤดูหนาวระหว่างเดือน พฤศจิกายน-มกราคม หรือต้นฤดูฝนระหว่างพฤษภาคม-กรกฎาคม นี่ก็ใกล้ถึงแล้ว เอ้าให้เวลาตัดสินใจสัก 2 เดือนเป็นไง

หากตัดสินใจได้แล้วว่าจะปลูก ในเดือนพฤษภาคมที่จะถึงนี้แน่ ๆ คุณเครือวัลย์เลยฝากวิธีการปลูกมาดังนี้ อย่างแรกต้องเตรียมดินก่อน โดยการใช้จอบขุดดินให้ลึกประมาณ 20-30 ซม. แล้วตากทิ้งไว้ 7-10 วัน หลังจากนั้นให้ย่อยดินเป็นก้อนเล็ก ๆ เก็บเศษวัชพืชออกจากแปลงด้วย ถ้ามีปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกให้ผสมลงไปประมาณ 2-3 กิโลกรัมต่อพื้นที่ 1 ตร.ม. คลุกเคล้าให้เข้ากันเสร็จแล้วยกร่องเพื่อความสะดวกในการให้น้ำหรืออาจจะไม่ ยกร่องก็ได้ไม่เป็นไร

การปลูกให้ปลูกเป็นแถว ถ้ายังไม่ได้ยกร่องให้หาไม้มาขีดเป็นแนวโดยให้แนวห่างกัน 70-75 ซม. แล้วใส่ปุ๋ยเคมีสูตร 16-20-0 ในดินร่วน ดินร่วนเหนียว หรือสูตร 15-15-15 ในดินร่วนปนทราย ประมาณ 1 ช้อนชา รองก้นหลุมพร้อมกับการ ปลูก ระวังอย่าให้เมล็ดถูกกับปุ๋ยโดยตรง คือหลังจากหยอดปุ๋ยแล้วควรกลบดินประมาณ 3 นิ้ว แล้วจึงหยอดเมล็ด นำเมล็ดวางตามแนวห่างกันหลุมละประมาณ 20-25 ซม. หลุมละ 1-2 เมล็ด อย่าหยอดให้ลึกเกินไปเพราะเมล็ดจะงอกช้า หรืออย่าหยอดตื้นจนเกินไปเมล็ดมันจะไม่งอกนะจ๊ะ และเมื่อปลูกเสร็จเรียบร้อยแล้วให้รดน้ำให้ชุ่ม ในวันที่ 4-5 หลังจากปลูกแล้วจะได้รับความตื่นเต้นเพราะจะเห็นต้นข้าวโพดงอกออกมา เมื่อข้าวโพดหวานมีอายุประมาณ 10-14 วัน ให้ถอนแยกให้เหลือ 1 ต้นต่อหลุม หรืออาจจะสลับเป็น 2 ต้นต่อหลุมบ้างก็ย่อมได้

เมื่อข้าวโพดอายุ 20 วัน ให้ใส่ปุ๋ยยูเรีย (สูตร 46-0-0) ประมาณต้นละ 1 ช้อนชา หรืออาจจะใช้ปุ๋ยที่เหลือจากการเตรียมดินในปริมาณ 1 ช้อนชาโรยข้างต้นหรือข้างแถว ห่างจากต้นประมาณ 1 ฝ่ามือแล้วพรวนกลบในกรณีที่มีการระบายน้ำได้ดี แต่ถ้า ข้าวโพดหวานมีลักษณะต้นเตี้ยใบเหลือง ควรใส่ปุ๋ย ยูเรียอีกครั้งประมาณต้นละ 1 ช้อนชา เมื่อข้าวโพดอายุ 40-45 วัน

การ ให้น้ำนั้นควรให้น้ำทุก 3-5 วัน และหลังการใส่ปุ๋ยทุกครั้งต้องให้น้ำทันที ควรระวังอย่าให้ขาดน้ำในช่วงผสมเกสรและติดเมล็ดเพราะจะทำให้ ผลผลิตลดลงมาก สำหรับโรคและแมลง นั้น ข้าวโพดหวานไม่ค่อยจะมีโรคและแมลงรบกวนเท่าใดนัก โรคที่สำคัญได้แก่ โรครา น้ำค้างและโรคใบลาย ส่วนแมลงนั้นได้แก่ หนอนเจาะลำต้นข้าวโพด โดยจะเริ่มเข้าทำลายตั้งแต่ข้าวโพดอายุ 20 วันถึงระยะเก็บเกี่ยว ถ้าพบควรใช้มือจับทำลาย

ระยะเวลาการเก็บเกี่ยว นับว่าเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากจะมีผลเกี่ยวเนื่องกับรสชาติของ ข้าวโพดหวาน เพราะถ้าเก็บข้าวโพดหวานอ่อนเกินไปจะทำให้ไม่หวานเท่าที่ควร และถ้าเก็บช้าเกินไปข้าวโพดหวานก็จะหวานน้อยลงและอาจจะเหนียวและแข็ง ซึ่งระยะเวลาที่เหมาะสมในการเก็บเกี่ยวคือ 18-20 วันหลังออกไหม 50% หรือสังเกตจากสีของไหมจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลเข้มและเพื่อความแน่ใจอาจฉีก เปลือกข้าวโพดดูว่าเมล็ดเต็ม เต่ง หรืออ่อนไปหรือไม่ และเมื่อเก็บเกี่ยวแล้วควรรับประทานทันทีหรืออาจเก็บไว้ 1-2 วันในตู้เย็นโดยไม่ต้องปอกเปลือก

สำหรับการต้มฝักสดรับประทานนั้น ต้อง ต้มน้ำให้เดือดก่อนแล้วจึงนำข้าวโพดหวานใส่ลงไป ทิ้งไว้ประมาณ 5-7 นาที ก็สามารถรับประทานได้และสามารถเพิ่มรสชาติด้วยการจุ่มลงในน้ำเกลือหรือทาเนย ก็แสนอร่อยแล้วแต่คนชอบ

ข้าวโพดหวานยังสามารถนำไปแปรรูปเป็นอาหารได้ อีกสารพัด....อยากจะปลูกไว้หลังบ้านไหมล่ะ

ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันที่ 14 มีนาคม 2550