วันอาทิตย์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

ไม้ผลแปลกและหายาก ที่น่าปลูก ในปี พ.ศ. 2554

ใน รอบปี พ.ศ. 2553 ที่ผ่านไป พบว่า โดยภาพรวมของเกษตรกรชาวสวนผลไม้จะขายผลผลิตได้ราคาค่อนข้างดี ไม่ว่าจะเป็นผลไม้เศรษฐกิจ อย่างเช่น ทุเรียน มะม่วง ส้มเขียวหวาน ฯลฯ โดยเฉพาะส้มโชกุนหรือส้มสายน้ำผึ้งราคาสูงขึ้นเท่าตัว เนื่องจากพื้นที่ปลูกส้มลดน้อยลงไปมาก ราคาส้มสายน้ำผึ้งจากสวนส้มธนาธรเมื่อช่วงเดือนธันวาคม 2553 ที่ผ่านมา มีราคาถึงผู้บริโภคไม่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 100 บาท และมีการคาดการณ์ว่าราคาส้มสายน้ำผึ้งหรือส้มโชกุนจะมีราคาสูงอย่างน้อยอีก 2-3 ปี นอกจากไม้ผลเศรษฐกิจแล้ว ยังมีกลุ่มไม้ผลแปลกและหายากอีกหลายชนิดที่น่าสนใจปลูก เนื่องจากมีคู่แข่งขันทางการตลาดน้อย และยังมีพื้นที่ปลูกไม่มากนัก แต่ผู้ปลูกจะต้องพยายามหาตลาดรองรับ ไม่ว่าจะเป็นตลาดท้องถิ่นหรือตลาดเมืองใหญ่ ไม้ผลแปลกและหายากที่น่าสนใจปลูกในปี พ.ศ. 2554 มีอยู่หลายชนิด



ขนุนลูกผสมพันธุ์ "เพชรดำรง"

เป็น ขนุนที่มีเนื้อสีเหลือง เจ้าของพันธุ์คือ คุณดำรงศักดิ์ วิริยศิริ ผสมพันธุ์โดยใช้ขนุนพันธุ์คุณหญิงเป็นพ่อพันธุ์และพันธุ์ทองประเสริฐเป็นแม่ พันธุ์ ใช้เวลานานถึง 10 ปี จึงได้ขนุนสายพันธุ์นี้ ที่รวมเอาลักษณะเด่นของขนุนมาครบเกือบทุกประการ โดยเฉพาะมีเนื้อหนามากถ้ามีการบำรุงรักษาอย่างดี จะได้ขนุนที่มีเนื้อหนาถึง 2 เซนติเมตร ที่สำคัญเป็นสายพันธุ์ขนุนที่เกิดขึ้นด้วยการผสมพันธุ์จากฝีมือมนุษย์ ซึ่งนับว่าหาได้ยากมาก เนื่องจากขนุนสายพันธุ์ดีๆ ในอดีตที่ผ่านมาเกิดจากการคัดเลือกต้นที่เพาะเมล็ดทั้งหมด ในการปลูกขนุนให้ประสบผลสำเร็จ สิ่งที่เกษตรกรจะต้องดูแลเป็นพิเศษคือ เรื่องของการตัดแต่งกิ่ง เมื่อต้นขนุนมีอายุได้ 3 ปี จะเริ่มออกดอกและติดผล จะต้องมีการตัดแต่งกิ่งให้แสงแดดผ่านถึงลำต้น เพื่อให้มีสภาพอากาศถ่ายเทได้ดี และถ้าจะให้ขนุนที่มีลักษณะผลและยวงที่ดี เกษตรกรควรจะช่วยผสมพันธุ์โดยผสมพันธุ์ในช่วงเวลาเช้าจะเหมาะสมที่สุด



ทับทิมพันธุ์มอลล่า เดอ เอลเช่

ทับทิม จัดเป็นไม้ผลที่มีประวัติการปลูกมายาวนาน ไม่ต่ำกว่า 5,000 ปี แหล่งกำเนิดอยู่บริเวณประเทศอิหร่านในปัจจุบัน ปัจจุบันสเปนนับเป็นประเทศที่ผลิตทับทิมเมล็ดนิ่มที่ได้ชื่อว่าอร่อยและ คุณภาพดีที่สุดในโลก โดยมีแหล่งปลูกที่สำคัญอยู่ที่เมืองเอลเช่ (ELCHE) ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ ติดกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ผลผลิตทับทิมสเปนจะออกสู่ตลาดและส่งออกไปขายหลายประเทศทั่วโลก ในช่วงระหว่างเดือนกันยายน-กุมภาพันธ์ของทุกปี พันธุ์ทับทิมที่สเปนปลูกในเชิงพาณิชย์จะแบ่งออกเป็น 3 สายพันธุ์หลัก คือ พันธุ์วาเลนเซีย พันธุ์มอลล่า เดอ เอลเช่ และพันธุ์วันเดอร์ฟูล สายพันธุ์ที่ได้รับความนิยมของตลาดต่างประเทศคือ พันธุ์มอลล่า เดอ เอลเช่ และพันธุ์วาเลนเซีย เนื่องจากมีรสชาติหวานจัด อร่อยมาก (ไม่ติดเปรี้ยวเลย) และมีเมล็ดนิ่ม สำหรับพันธุ์วันเดอร์ฟูลจะมีรสชาติอมเปรี้ยว แต่มีจุดเด่นตรงที่ผิวผลมีสีแดงและเนื้อข้างในสีแดงจัด ในแปลงปลูกพันธุ์มอลล่า เดอ เอลเช่ ที่ผู้เขียนได้ไปดูงานนั้น กิ่งพันธุ์ที่ใช้ปลูกจะใช้กิ่งเสียบยอด หลายคนยังไม่ทราบว่า ทับทิมจัดเป็นไม้ผลที่มีอายุยืนยาวมากที่สุดชนิดหนึ่ง มีอายุได้ไม่ต่ำกว่า 100 ปี แต่ส่วนใหญ่เกษตรกรจะปล่อยให้ต้นทับทิมมีอายุเฉลี่ยอยู่ที่ 30-50 ปี ขณะนี้ทางชมรมเผยแพร่ความรู้ทางการเกษตร ได้ยอดพันธุ์มอลล่า เดอ เอลเช่ จากประเทศสเปน มาเสียบยอดไว้ในแปลงปลูกที่แผนกฟาร์ม จังหวัดพิจิตร ยอดแตกออกมาใหม่ คาดว่า ในปี พ.ศ. 2554 จะเริ่มให้ผลผลิต



มะม่วงลูกผสม พันธุ์ "ยู่เหวิน"

มี ถิ่นกำเนิดที่ไต้หวัน และเป็นมะม่วงลูกผสมระหว่างพันธุ์จินหวง กับมะม่วงพันธุ์ "อ้ายเหวิน" มะม่วงลูกผสมสายพันธุ์นี้ได้มีการนำยอดพันธุ์มาเสียบยอดในประเทศไทย ประมาณ 4-5 ปี มาแล้ว และเริ่มให้ผลผลิตแล้ว ผลปรากฏว่าเป็นมะม่วงที่มีลักษณะเด่นและรสชาติดี คือมีผลขนาดใหญ่ น้ำหนักผลเฉลี่ย 1-1.5 กิโลกรัม บริโภคได้ทั้งผลดิบและสุก ในระยะผลดิบหรือห่าม จะมีรสชาติหวานมัน (ไม่มีเปรี้ยวปน) ระยะผลสุกเนื้อจะมีรสชาติหวาน หอม ไม่เละ ไม่มีเสี้ยน และไม่มีกลิ่นเหม็นขี้ไต้ ที่สำคัญสีของผลมีสีม่วงเข้มดึงดูดใจแก่ผู้พบเห็น จัดเป็นมะม่วงแปลกและหายาก ปลูกและให้ผลผลิตได้ในประเทศไทย มะม่วงพันธุ์ยู่เหวินเป็นมะม่วงที่ปลูกง่ายและเริ่มให้ผลผลิตเมื่อต้นมีอายุ เฉลี่ยได้ 3-4 ปี จากการสังเกตพบว่า ออกดอกและติดผลดีทุกปี



มะขามป้อมยักษ์อินเดีย

ผล งานวิจัยจากหลายประเทศพบตรงกันว่า มะขามป้อม จัดเป็นผลไม้ที่มีปริมาณของสารแทนนินสูง เป็นชนิดที่มีฤทธิ์ในการต่อต้านอนุมูลอิสระต้านสารก่อมะเร็ง เพิ่มภูมิคุ้มกันที่บกพร่อง กำจัดสารพิษจากโลหะหนักออกจากร่างกายและในผลของมะขามป้อมมีปริมาณวิตามินซี สูงที่สุดชนิดหนึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับผลไม้ชนิดอื่น วิตามินซีที่พบอยู่ในผลมะขามป้อมมีมากที่สุดในโลก เมื่อเปรียบเทียบกับพืชทุกชนิด ที่สำคัญหลายคนมองข้ามและไม่รู้ก็คือ ในผลของมะขามป้อมจะมีสารป้องกันการเกิดออกซิไดซ์วิตามินซี วิตามินซีคงตัวอยู่ได้นานในผลแห้งของมะขามป้อมที่เก็บไว้ในตู้เย็น ถ้าเก็บผลมะขามป้อมผลแห้งไว้ในตู้เย็นนาน 1 ปี จะเสียวิตามินซีไปเพียง 20% เท่านั้น ปกติในบ้านเราจะพบเห็นผลมะขามป้อมที่มีขนาดของผลเล็ก แต่ถ้าผลที่ใหญ่ที่สุด จะมีเส้นผ่าศูนย์กลางไม่เกิน 3.5 เซนติเมตร พ.อ.อ.กิติ ชุ่มสกุล ได้มะขามป้อมจากประเทศอินเดียมาปลูกและให้ผลผลิตแล้วพบว่า มีขนาดผลใหญ่มาก มีเส้นผ่าศูนย์กลางของผลประมาณ 4.5-5.5 เซนติเมตร หรือประมาณ 2 นิ้วเศษ ผลอ่อนมีสีเขียวอ่อน เมื่อผลแก่สีของผิวจะเปลี่ยนเป็นสีเขียวอมเหลือง เนื้อมีสีขาวนวลคล้ายน้ำนม แต่ละผลจะมีกลีบแบ่งเป็นช่วงๆ 6 กลีบ เมื่อนำผลแก่มารับประทานสดจะมีรสฝาด อมเปรี้ยว และติดขมเล็กน้อย แต่เมื่ออมไว้สักครู่จะหวานชุ่มคอ เมื่อดื่มน้ำตามลงไปจะยังหวานชุ่มคอเป็นเวลานาน แก้ไอและแก้กระหายน้ำได้ดีมาก



มะละกอแขกดำ "เรด แคลิเบียน"

มะละกอ แขกดำ "เรด แคลิเบียน" เป็นมะละกอสายพันธุ์ใหม่ที่ชมรมเผยแพร่ความรู้ทางการเกษตรได้ผลมะละกอมา จากอเมริกากลางและนำเมล็ดมาปลูก และคัดเลือกพันธุ์แบบผสมเปิดนานกว่า 7 ปี ได้ผลผลิตที่มีขนาดผลคล้ายกับมะละกอเรดมาราดอล์ แต่มีขนาดของผลใหญ่กว่ามาก น้ำหนักผลเฉลี่ย 2-3 กิโลกรัม (ผลใหญ่กว่าเรดมาราดอล์ 1-2 เท่า) เนื้อหนามาก มีสีแดงส้มและรสชาติหวาน จากการปลูกทดสอบในแปลงพบว่า มีความทนทานต่อโรคไวรัสจุดวงแหวนได้ดีกว่าพันธุ์แขกดำศรีสะเกษ เป็นมะละกอที่สามารถบริโภคได้ทั้งผลดิบและผลสุก โดยเฉพาะผลดิบเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคเพื่อทำส้มตำ ส่วนผลสุกใช้บริโภคสด

โดย ปกติแล้วมะละกอสามารถขึ้นได้ดีในดินเกือบทุกชนิด แต่จะเจริญเติบโตได้ดีในดินที่ร่วนซุย มีการระบายน้ำที่ดี เช่น ดินร่วนปนทราย ถ้าพื้นที่เป็นดินเหนียวหรือดินทรายจัด เราควรปรับปรุงดินก่อนโดยการใส่อินทรียวัตถุ เช่น ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก เพื่อปรับปรุงโครงสร้างของดินให้ดี การระบายน้ำของแปลงปลูกมะละกอจะต้องดี เพราะต้นมะละกอเป็นพืชที่ไม่ทนต่อสภาพน้ำขังแฉะ โดยเฉพาะถ้าต้นมะละกอยังเล็ก ถ้ามีน้ำขังมากๆ ต้นมะละกออาจจะชะงักการเจริญเติบโตและอาจถึงตายได้



ชมพู่ยักษ์ไต้หวัน

ใน อดีตชมพู่ทับทิมจันท์ ซึ่งเป็นพันธุ์ที่นำเข้ามาจากประเทศอินโดนีเซีย มีชื่อพันธุ์ว่า "ซิต้า" มาปลูกในประเทศไทยจนประสบความสำเร็จเป็นที่ยอมรับทั้งตลาดภายในและต่าง ประเทศ ปัจจุบันมีการขยายพื้นที่ปลูกกันทั่วประเทศและยังเป็นพันธุ์ที่นิยมมากที่ สุดสายพันธุ์หนึ่ง เนื่องจากเป็นชมพู่ที่มีรสชาติอร่อยมาก เนื้อหวาน กรอบ และผิวมีสีแดงเข้ม ในขณะที่ไต้หวันเป็นอีกประเทศหนึ่งที่มีการพัฒนาสายพันธุ์ชมพู่ และชมพู่จัดเป็นผลไม้ที่มีราคาแพงมากในไต้หวัน มีการบรรจุหีบห่อที่สวยงาม ทางชมรมเผยแพร่ความรู้ทางการเกษตร ได้ไปดูงานการเกษตรที่ไต้หวันและได้ชมพู่สายพันธุ์ใหม่ของไต้หวันมาทดลอง ปลูกในบ้านเรา ดูจากลักษณะสายพันธุ์แล้วเป็นชมพู่ที่มีขนาดของผลใหญ่มาก มีน้ำหนักผลเฉลี่ย 500-800 กรัม รสชาติหวาน กรอบ สำหรับระยะปลูกชมพู่แนะนำให้ใช้ระยะระหว่างต้น 5 เมตร ระยะระหว่างแถว 6 เมตร พื้นที่ 1 ไร่ ปลูกได้ 50 ต้น เคล็ดลับที่สำคัญที่จะทำให้ชมพู่มีคุณภาพดีและรสชาติอร่อย ก่อนที่จะเก็บเกี่ยวผลผลิต 15 วัน จะต้องใส่ปุ๋ยเคมีเพื่อเพิ่มความหวาน เช่น สูตร 8-24-24 อัตราต้นละ 500 กรัม ต่อต้น (ต้นชมพู่ อายุ 2-3 ปี) แต่ถ้าต้นชมพู่มีอายุ 5 ปีขึ้นไป ให้ใส่ต้นละ 1 กิโลกรัม ทางใบให้ฉีดพ่นปุ๋ยทางใบที่มีโพแทสเซียมสูง



ฝรั่งพันธุ์ "ฮ่องเต้"

เมื่อ ประมาณปี พ.ศ. 2513 ทางไต้หวันได้มีการนำฝรั่งจากประเทศไทย ซึ่งมีขนาดผลใหญ่ เนื้อแน่น และกรอบ ไปปลูกได้ผลผลิตเป็นที่ชื่นชอบของคนไต้หวันในขณะนั้น เวลาผ่านไปไต้หวันได้มีการพัฒนาสายพันธุ์ฝรั่งเรื่อยมา โดยเน้นความกรอบอร่อยของเนื้อ มีเมล็ดน้อย และนิ่ม ในช่วงเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมาเริ่มมีเกษตรกรไทยนำพันธุ์ฝรั่งจากไต้หวันมา ปลูกจนประสบผลสำเร็จในบ้านเรา และที่รู้จักกันดีคือ พันธุ์เจินจู ซึ่งมีเมล็ดนิ่มและรสชาติอร่อย เริ่มมีเกษตรกรไทยขยายพื้นที่ปลูกกันมากขึ้นในขณะนี้

นอกจากฝรั่ง พันธุ์เจินจู ที่ได้กล่าวมาแล้วในข้างต้น ปัจจุบันได้มีฝรั่งไต้หวันอีกสายพันธุ์หนึ่งที่ชมรมเผยแพร่ความรู้ทางการ เกษตร จังหวัดพิจิตร ได้กิ่งพันธุ์จากไต้หวันมาปลูกที่จังหวัดพิจิตร เป็นกิ่งประเภทเสียงยอด มีรากแก้วจำนวน 2 ต้น (การขยายพันธุ์ฝรั่งในบ้านเราเกือบทั้งหมดจะใช้วิธีการตอนกิ่ง) และมีชื่อพันธุ์ว่า "ฮ่องเต้" เริ่มปลูกต้นฝรั่งทั้งสองตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2552 มาจนถึงขณะนี้เริ่มเห็นผลผลิตแล้ว ซึ่งได้พบความแตกต่างจากฝรั่งไต้หวันสายพันธุ์อื่นๆ ที่ปลูกในบ้านเรา ตรงที่รูปทรงผลจะเป็นทรงกระบอกสี่เหลี่ยม เมื่อผลเจริญเติบโตเต็มที่มีน้ำหนักผลไม่ต่ำกว่า 500 กรัม เนื้อมีรสชาติหวานกรอบ เมล็ดน้อยมากและนิ่ม ที่สำคัญเป็นพันธุ์ที่ออกดอกและติดผลง่าย ให้ผลผลิตดี ที่ไต้หวันไม่ว่าจะเป็นสวนเล็กหรือสวนใหญ่จะมีความประณีตในการห่อผลฝรั่งมาก เริ่มแรกจากการปลิดผลทิ้งบ้างให้เหลือกิ่งละไม่กี่ผล เมื่อผลมีขนาดใหญ่ใกล้เคียงกับส้มเขียวหวานจะใช้ตาข่ายโฟมห่อที่ผลก่อนเป็น ลำดับแรกและห่อตามด้วยถุงพลาสติคบางใสและเหนียว สังเกตได้ว่าถุงพลาสติคที่เกษตรกรไต้หวันใช้จะบางมาก และสามารถมองทะลุเห็นผลภายในอย่างชัดเจน เพื่อสะดวกต่อการเก็บเกี่ยว

ที่มา http://info.matichon.co.th/techno/techno.php?srctag=05017150154&srcday=2011-01-15&search=no